10 หูฟังไร้สาย ยี่ห้อไหนดี ปี 2025 เสียงเทพ แบตทนทาน อิสระทุกการฟัง


สวัสดีค่าทุกคน! ไหนใครเป็นสายฟังเพลง ดูหนัง เล่นเกม หรือแค่ไม่อยากพลาดทุกการสื่อสารบ้างยกมือขึ้น! ยุคนี้อะไรๆ ก็ต้องไร้สายเนอะ โดยเฉพาะหูฟัง ที่ให้เราได้อิสระแบบสุดๆ จะขยับท่าไหนก็ไม่ต้องกลัวสายพันกันให้หงุดหงิดใจ วันนี้เจ๊มี 10 หูฟังไร้สายตัวท็อปแห่งปี 2025 ที่คัดมาแล้วว่า "เสียงเทพ แบตทนทาน อิสระทุกการฟัง" มาป้ายยากันแบบหมดเปลือก พร้อมทริคเลือกซื้อให้โดนใจสไตล์คนไทยแท้ๆ ที่ชอบของดี ราคาโดนใจ และฟังก์ชันครบครัน จะมีรุ่นไหนน่าตำบ้าง ไปดูกันเลยจ้า!
1. Sony – WF-1000XM5
- ชื่อแบรนด์: Sony
- ชื่อสินค้า: WF-1000XM5
- ราคาสินค้า: ประมาณ 9,000 - 11,000 บาท,,
- คำอธิบายสินค้า: ยกให้เป็นหูฟัง True Wireless ระดับท็อปที่หลายสำนักรีวิวพร้อมใจกันอวยยศให้ ด้วยพลังเสียงที่คมชัด เก็บทุกรายละเอียด ไม่ว่าจะเป็นเสียงร้อง เสียงดนตรี หรือแม้แต่เสียงเล็กๆ ในเพลงก็ชัดแจ๋ว เบสแน่นแต่ไม่กลบเสียงย่านอื่น ฟังสนุกทุกแนว แถมระบบตัดเสียงรบกวนคือเทพจริง ตัดขาดจากโลกภายนอกได้อย่างแนบเนียน เหมาะกับคนที่ไม่ชอบความวุ่นวาย อยากจมดิ่งกับเสียงเพลงแบบเต็มที่ ดีไซน์ก็ปรับปรุงให้เล็กและใส่สบายขึ้นเยอะ ใส่นานๆ ก็ไม่เมื่อยหู,,,
- จุดเด่นสินค้า: คุณภาพเสียงระดับสตูดิโอ, ระบบตัดเสียงรบกวน (ANC) ที่ดีที่สุดอันดับต้นๆ, แบตเตอรี่ใช้งานได้นาน, ดีไซน์เล็กกะทัดรัด ใส่สบาย, รองรับ Hi-Res Audio,,,
- ฟังก์ชันการใช้งาน:
- ตัดเสียงรบกวนอัจฉริยะ Adaptive ANC: ระบบจะปรับระดับการตัดเสียงรบกวนให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมโดยอัตโนมัติ ไม่ว่าจะอยู่บนรถไฟฟ้า ออฟฟิศ หรือคาเฟ่ ก็สามารถเพลิดเพลินกับเสียงเพลงหรือพอดแคสต์ได้อย่างไร้สิ่งรบกวน เพิ่มสมาธิในการทำงานหรือพักผ่อนได้อย่างเต็มที่,,
- รองรับ Hi-Res Audio Wireless ด้วย LDAC: สำหรับสาย Audiophile ที่ต้องการคุณภาพเสียงระดับสูงสุด หูฟังรุ่นนี้รองรับ Codec LDAC ที่สามารถส่งข้อมูลเสียงได้มากกว่า Bluetooth ทั่วไปหลายเท่า ทำให้ได้รับฟังรายละเอียดเสียงที่ครบถ้วน สมจริง ใกล้เคียงกับการฟังเพลงแบบมีสาย,,
- Speak-to-Chat: ฟังก์ชันสุดล้ำที่หูฟังจะหยุดเพลงชั่วคราวและเปิดโหมดฟังเสียงภายนอกให้อัตโนมัติ เมื่อตรวจจับได้ว่าเรากำลังพูดคุยกับคนรอบข้าง ทำให้ไม่ต้องถอดหูฟังออก สะดวกสบาย ไม่พลาดทุกบทสนทนาในชีวิตประจำวัน
- Multipoint Connection: สามารถเชื่อมต่อหูฟังกับอุปกรณ์ได้พร้อมกันสองเครื่อง เช่น โทรศัพท์มือถือและแล็ปท็อป ทำให้สลับการใช้งานได้อย่างราบรื่น เมื่อมีสายเรียกเข้าขณะดูหนังบนคอมพิวเตอร์ หูฟังก็จะสลับมาที่โทรศัพท์โดยอัตโนมัติ,,
- กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: ผู้ที่เน้นคุณภาพเสียงระดับสูง, คนทำงานที่ต้องการสมาธิ, นักเดินทาง, ผู้ที่ใช้ระบบ Android (รองรับ LDAC), ผู้ที่ต้องการหูฟังตัวจบ ครบทุกฟังก์ชัน
ไดรเวอร์ | Bluetooth | แบตเตอรี่ (หูฟัง+เคส) | ANC | กันน้ำ | Codec ที่รองรับ | น้ำหนัก (ต่อข้าง) |
---|---|---|---|---|---|---|
Dynamic Driver X | 5.3, | สูงสุด 24 ชม.,, | Adaptive ANC,, | IPX4 | LDAC, AAC, SBC,, | ประมาณ 5.9 กรัม |
2. Samsung – Galaxy Buds3 Pro
- ชื่อแบรนด์: Samsung
- ชื่อสินค้า: Galaxy Buds3 Pro
- ราคาสินค้า: ประมาณ 7,000 - 7,500 บาท,,
- คำอธิบายสินค้า: เป็นตัวท็อปจาก Samsung ที่ออกแบบมาเพื่อสายฟังเสียงจริงจังเช่นกัน โดดเด่นด้วยเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ มีความชัดใส รายละเอียดดี พร้อมเบสที่ฟังสนุกไม่แพ้ใคร Adaptive ANC ก็ทำได้ดีเยี่ยม ปรับการตัดเสียงได้หลายระดับ แถมยังมี Ambient Mode ที่ปรับอัตโนมัติได้ด้วย ดีไซน์ใหม่ปี 2025 มาพร้อมก้านที่ดูทันสมัยขึ้น ใส่สบายกระชับหู มีไมโครโฟนหลายตัวทำให้คุยโทรศัพท์ได้ชัดเจนมากๆ แม้อยู่ในที่ที่มีเสียงรบกวน เหมาะกับคนใช้ Samsung หรือ Android ที่อยากได้หูฟังเสียงดี ฟังก์ชันแน่นๆ ครบจบในตัวเดียว,,
- จุดเด่นสินค้า: คุณภาพเสียง Hi-Fi พร้อมระบบเสียง 360 องศา, Adaptive ANC ปรับได้หลายระดับ, ไมโครโฟนชัดเจนสำหรับการโทร, ดีไซน์ใหม่พร้อมก้าน สวมใส่สบาย, กันน้ำระดับ IPX7,
- ฟังก์ชันการใช้งาน:
- Ultimate Hi-Fi 24bit/96kHz และระบบเสียง 360 องศา: มอบประสบการณ์การฟังเพลงและการดูหนังที่สมจริง เสียงคมชัด เก็บรายละเอียดได้ครบทุกย่าน ไม่ว่าจะเป็นเสียงร้อง เครื่องดนตรี หรือเสียงเอฟเฟกต์ต่างๆ ในภาพยนตร์ ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในโรงภาพยนตร์ขนาดย่อม
- Adaptive ANC และ Ambient Mode อัจฉริยะ: สามารถเลือกที่จะตัดเสียงรบกวนภายนอกออกไปทั้งหมด หรือจะเลือกเปิดรับเสียงรอบข้างในระดับที่ต้องการก็ได้ และยังมีโหมดปรับเสียงอัตโนมัติเมื่อมีเสียงไซเรนหรือคนพูด ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและความสะดวกในการใช้งานในชีวิตประจำวัน
- คุณภาพเสียงสนทนาที่คมชัดด้วย AI Clear Voice: มาพร้อมไมโครโฟนหลายตัว พร้อมเทคโนโลยี AI ช่วยลดเสียงรบกวนรอบข้างขณะสนทนา ทำให้ปลายสายได้ยินเสียงพูดของเราอย่างชัดเจน แม้จะอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงดัง เช่น ข้างถนน หรือในห้างสรรพสินค้า
- กันน้ำระดับ IPX7: สามารถทนทานต่อเหงื่อและละอองน้ำได้เป็นอย่างดี เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบออกกำลังกาย หรือใช้งานในสภาพอากาศที่หลากหลาย ไม่ต้องกังวลว่าหูฟังจะเสียหายจากความชื้น
- กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: ผู้ใช้สมาร์ทโฟน Samsung หรือ Android, ผู้ที่ชอบเสียงเบสแน่น ฟังสนุก, สายออกกำลังกาย, ผู้ที่ต้องการหูฟังที่คุยโทรศัพท์ได้ชัดเจน, ผู้ที่มองหาฟังก์ชันครบครันในราคาที่สมเหตุสมผล
ไดรเวอร์ | Bluetooth | แบตเตอรี่ (หูฟัง+เคส) | ANC | กันน้ำ | Codec ที่รองรับ | ไมโครโฟน |
---|---|---|---|---|---|---|
Speaker 2 ตัว | 5.3 | สูงสุด 22 ชม. (ANC On) | Adaptive ANC, | IPX7 | Scalable Codec, AAC, SBC | 3 ตัวต่อข้าง, |
3. Apple – AirPods 4
- ชื่อแบรนด์: Apple
- ชื่อสินค้า: AirPods 4
- ราคาสินค้า: ประมาณ 4,000 - 5,000 บาท,
- คำอธิบายสินค้า: รุ่นยอดฮิตขวัญใจชาว Apple ที่ปีนี้ปรับปรุงมาให้ดีขึ้นกว่าเดิมเยอะ เชื่อมต่อง่าย ใช้สะดวกสุดๆ กับอุปกรณ์ Apple ทุกอย่าง แค่เปิดเคสก็พร้อมเชื่อมต่อทันที เสียงดีขึ้นจากรุ่นก่อน เบสมีน้ำหนักมากขึ้น ฟังเพลงได้หลากหลายแนว ใส่สบายตามสไตล์ AirPods ที่หลายคนคุ้นเคย รุ่นใหม่เพิ่มฟังก์ชัน ANC และ Transparency Mode มาให้ด้วย ทำให้เหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวันมากขึ้น ไม่ว่าจะเดินทาง ทำงาน หรือออกกำลังกายเบาๆ,,
- จุดเด่นสินค้า: เชื่อมต่อรวดเร็วและเสถียรกับอุปกรณ์ Apple, ใส่สบายตามหลักสรีรศาสตร์, คุณภาพเสียงที่ปรับปรุงดีขึ้น, มี ANC และ Transparency Mode ในรุ่นนี้, พกพาสะดวก เคสมีขนาดเล็ก
- ฟังก์ชันการใช้งาน:
- Seamless Integration with Apple Devices: ด้วยชิป Apple H2 (หรือรุ่นใหม่กว่าในปี 2025) ทำให้ AirPods เชื่อมต่อกับ iPhone, iPad, Mac, และ Apple Watch ได้อย่างรวดเร็วและเสถียร สลับการใช้งานระหว่างอุปกรณ์ต่างๆ ได้อย่างไม่มีสะดุด เหมาะสำหรับผู้ที่อยู่ใน Ecosystem ของ Apple,
- Active Noise Cancellation and Transparency Mode: สามารถเลือกตัดเสียงรบกวนภายนอกเพื่อดื่มด่ำกับเสียงเพลง หรือเปิดโหมด Transparency เพื่อรับฟังเสียงรอบข้าง ทำให้ปลอดภัยเมื่อใช้งานในที่สาธารณะ หรือสะดวกในการพูดคุยโดยไม่ต้องถอดหูฟัง
- Adaptive EQ: หูฟังจะปรับเสียงให้เหมาะสมกับรูปทรงภายในหูของผู้ใช้งานแต่ละคนโดยอัตโนมัติ เพื่อให้ได้รับประสบการณ์การฟังเพลงที่ดีที่สุดและสม่ำเสมอ ไม่ว่าใครใส่ก็จะได้คุณภาพเสียงที่ดี
- รองรับ Spatial Audio with Dynamic Head Tracking: มอบประสบการณ์เสียงรอบทิศทางที่สมจริง เมื่อดูภาพยนตร์หรือฟังเพลงที่รองรับ เสียงจะติดตามการเคลื่อนไหวของศีรษะ ให้ความรู้สึกเหมือนเสียงมาจากทิศทางต่างๆ รอบตัว,
- กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: ผู้ใช้ iPhone, iPad, Mac, ผู้ที่ต้องการหูฟังที่ใช้งานง่าย พกพาสะดวก, เหมาะกับการใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวัน, การเดินทาง, ออกกำลังกายเบาๆ,
ชิป | Bluetooth | แบตเตอรี่ (หูฟัง+เคส) | ANC | กันน้ำ | Codec ที่รองรับ | การเชื่อมต่อ |
---|---|---|---|---|---|---|
Apple H2 (หรือใหม่กว่า) | 5.3 | สูงสุด 30 ชม. | มี | IPX4 | AAC, SBC | Lightning (เคส) |
4. JBL – Tour Pro 3
- ชื่อแบรนด์: JBL
- ชื่อสินค้า: Tour Pro 3
- ราคาสินค้า: ประมาณ 11,000 - 11,500 บาท
- คำอธิบายสินค้า: ตัวท็อปจาก JBL ที่โดดเด่นด้วย Smart Case หรือเคสชาร์จที่มีหน้าจอสัมผัสในตัว ทำให้ควบคุมการทำงานต่างๆ ของหูฟังได้สะดวกสุดๆ โดยไม่ต้องหยิบมือถือขึ้นมาเลย คุณภาพเสียงแน่น เบสหนัก ฟังสนุกตามสไตล์ JBL ที่เป็นเอกลักษณ์ ระบบตัดเสียงรบกวนก็ทำได้ดีไม่แพ้ใคร แบตเตอรี่ก็อึดใช้ได้นาน ตอบโจทย์คนที่ไม่ชอบพกมือถือบ่อยๆ แต่อยากควบคุมหูฟังได้ง่ายๆ หรือคนที่ชอบดีไซน์ล้ำๆ ไม่เหมือนใคร
- จุดเด่นสินค้า: Smart Case พร้อมหน้าจอสัมผัส, คุณภาพเสียง JBL Pure Bass, ระบบตัดเสียงรบกวนแบบเรียลไทม์, แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนาน, รองรับชาร์จเร็วและชาร์จไร้สาย,,
- ฟังก์ชันการใช้งาน:
- Smart Case พร้อมหน้าจอสัมผัส: เป็นจุดเด่นที่สุดของรุ่นนี้ ที่เคสชาร์จมีหน้าจอขนาดเล็กให้สามารถควบคุมการเล่นเพลง ปรับระดับเสียง เปิด/ปิด ANC หรือ Transparency Mode และตั้งค่าอื่นๆ ได้โดยตรงจากเคส สะดวกมากๆ เมื่อไม่ต้องการหยิบมือถือขึ้นมา
- True Adaptive Noise Cancelling: ระบบตัดเสียงรบกวนแบบปรับอัตโนมัติที่ตอบสนองต่อสภาพแวดล้อมแบบเรียลไทม์ ช่วยลดเสียงรบกวนรอบข้างได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้สามารถเพลิดเพลินกับเสียงเพลงหรือพอดแคสต์ได้อย่างเต็มที่,
- JBL Spatial Sound: มอบประสบการณ์เสียงรอบทิศทางที่สมจริง ช่วยเพิ่มอรรถรสในการดูภาพยนตร์หรือฟังเพลง ให้ความรู้สึกเหมือนเสียงมาจากทิศทางต่างๆ รอบตัว สร้างมิติเสียงที่กว้างขึ้น
- Personi-Fi 2.0: เป็นฟังก์ชันการปรับแต่งเสียงให้เข้ากับโปรไฟล์การได้ยินของผู้ใช้งานแต่ละคน โดยผ่านการทดสอบการฟังเสียงในแอปพลิเคชัน JBL Headphones เพื่อให้ได้คุณภาพเสียงที่ดีที่สุดและเหมาะสมกับแต่ละบุคคล
- กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: ผู้ที่ต้องการหูฟังที่มีฟังก์ชันควบคุมที่สะดวกสบายโดยไม่ต้องใช้มือถือ, ผู้ที่ชอบเสียงเบสหนัก ฟังสนุกสไตล์ JBL, นักเดินทาง, ผู้ที่ต้องการหูฟังแบตเตอรี่อึด,,
ไดรเวอร์ | Bluetooth | แบตเตอรี่ (หูฟัง+เคส) | ANC | กันน้ำ | Codec ที่รองรับ | ฟีเจอร์เด่น |
---|---|---|---|---|---|---|
10 มม. | 5.3 | สูงสุด 40 ชม. | True Adaptive ANC, | IPX5 | AAC, SBC | Smart Case |
5. Bose – QuietComfort Ultra Earbuds
- ชื่อแบรนด์: Bose
- ชื่อสินค้า: QuietComfort Ultra Earbuds
- ราคาสินค้า: ประมาณ 11,000 - 11,500 บาท,,
- คำอธิบายสินค้า: ถ้าพูดถึงระบบตัดเสียงรบกวน ชื่อ Bose ต้องติดอันดับต้นๆ เสมอ และรุ่น Ultra นี้ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง ตัดเสียงได้เงียบสนิทเหมือนอยู่ในโลกส่วนตัว คุณภาพเสียงเน้นความสมดุล ฟังสบาย ไม่ปรุงแต่งมากเกินไป เหมาะกับคนที่ชอบฟังเพลงแบบเน้นรายละเอียด หรือฟังพอดแคสต์ ตัวหูฟังใส่สบาย กระชับหูดีมากๆ เหมาะกับการใช้งานในที่ๆ มีเสียงดังมากๆ เช่น บนเครื่องบิน หรือในรถไฟฟ้าที่คนเยอะๆ,,
- จุดเด่นสินค้า: ระบบตัดเสียงรบกวน (ANC) ที่ดีที่สุด, คุณภาพเสียงที่เป็นธรรมชาติ ฟังสบาย, ใส่สบาย กระชับหู, รองรับเทคโนโลยี Immersive Audio, แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนาน,,
- ฟังก์ชันการใช้งาน:
- World-Class Noise Cancellation: เป็นจุดแข็งที่สุดของ Bose ที่สามารถตัดเสียงรบกวนรอบข้างได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นเสียงเครื่องยนต์ เสียงคนพูดคุย หรือเสียงรบกวนอื่นๆ ช่วยให้สามารถโฟกัสกับเสียงเพลงหรือสิ่งที่กำลังฟังได้อย่างเต็มที่,,
- Quiet Mode and Aware Mode: สามารถเลือกโหมดการใช้งานได้สองแบบ คือ Quiet Mode สำหรับการตัดเสียงรบกวนขั้นสูงสุด และ Aware Mode ที่ให้ได้ยินเสียงรอบข้างในระดับที่ต้องการ เพื่อความปลอดภัยหรือความสะดวกในการโต้ตอบกับผู้คน,
- Immersive Audio: เทคโนโลยีเสียงที่สร้างมิติและความกว้างของเสียง ให้ความรู้สึกเหมือนเสียงไม่ได้มาจากแค่ในหู แต่มาจากพื้นที่รอบๆ ตัว เพิ่มประสบการณ์การฟังเพลงหรือชมภาพยนตร์ให้มีความสมจริงมากขึ้น,
- CustomTune Technology: หูฟังจะปรับการตัดเสียงรบกวนและคุณภาพเสียงให้เข้ากับรูปทรงภายในหูของแต่ละบุคคลโดยอัตโนมัติ เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดในการตัดเสียงและคุณภาพเสียงที่ดีที่สุดสำหรับผู้ใช้งานแต่ละคน
- กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: นักเดินทางที่ต้องการความเงียบสงบ, ผู้ที่ทำงานในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงดัง, ผู้ที่เน้นระบบตัดเสียงรบกวนเป็นพิเศษ, ผู้ที่ชอบคุณภาพเสียงที่เป็นธรรมชาติ ฟังสบาย,,
ไดรเวอร์ | Bluetooth | แบตเตอรี่ (หูฟัง+เคส) | ANC | กันน้ำ | Codec ที่รองรับ | ฟีเจอร์เด่น |
---|---|---|---|---|---|---|
Dynamic | 5.3 | สูงสุด 24 ชม. | World-Class ANC,, | IPX4 | AAC, SBC | Immersive Audio, |
6. Sennheiser – MOMENTUM True Wireless 4
- ชื่อแบรนด์: Sennheiser
- ชื่อสินค้า: MOMENTUM True Wireless 4
- ราคาสินค้า: ประมาณ 11,000 - 12,000 บาท,
- คำอธิบายสินค้า: สำหรับคอเพลงที่เน้นรายละเอียดและความสมจริงของเสียง Sennheiser คือคำตอบเสมอ รุ่น Momentum True Wireless 4 นี้ให้คุณภาพเสียงที่ใสเคลียร์ รายละเอียดพรั่งพรู เวทีเสียงกว้างขวาง ฟังสบายหูมากๆ ดีไซน์พรีเมียม วัสดุดี ระบบตัดเสียงรบกวนก็ทำได้ดีงาม แบตเตอรี่อึดใช้ได้ทั้งวัน ตอบโจทย์นักฟังเพลงตัวจริงที่พิถีพิถันเรื่องคุณภาพเสียง อยากได้ยินทุกโน้ต ทุกรายละเอียดที่ศิลปินตั้งใจนำเสนอ,
- จุดเด่นสินค้า: คุณภาพเสียงระดับ Audiophile, รายละเอียดเสียงคมชัด เวทีเสียงกว้าง, ระบบตัดเสียงรบกวนคุณภาพดี, วัสดุพรีเมียม ดีไซน์สวยงาม, แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนาน,
- ฟังก์ชันการใช้งาน:
- Sennheiser Signature Sound: มอบคุณภาพเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ของ Sennheiser ที่เน้นความสมดุล รายละเอียดที่ครบถ้วน และเวทีเสียงที่กว้าง ให้ประสบการณ์การฟังเพลงที่สมจริงราวกับกำลังฟังจากลำโพง Hi-Fi
- Adaptive Noise Cancellation: ระบบตัดเสียงรบกวนแบบปรับอัตโนมัติที่ช่วยลดเสียงรบกวนรอบข้างได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้สามารถจมดิ่งกับเสียงเพลงได้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบไหน,
- High-Resolution Audio Support: รองรับ Codec คุณภาพสูง เช่น aptX Adaptive หรือ LDAC (ขึ้นอยู่กับรุ่นปี 2025) ทำให้สามารถรับฟังเพลงในระดับ Hi-Res Audio ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เมื่อใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ที่รองรับ
- Customizable Sound via App: สามารถปรับแต่ง EQ และการตั้งค่าเสียงอื่นๆ ได้อย่างละเอียดผ่านแอปพลิเคชัน Sennheiser Smart Control เพื่อให้ได้คุณภาพเสียงที่ตรงกับความชอบส่วนบุคคลมากที่สุด
- กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: นักฟังเพลงที่เน้นคุณภาพเสียงระดับสูง, ผู้ที่ชื่นชอบเสียงที่เป็นธรรมชาติ รายละเอียดครบถ้วน, ผู้ที่ต้องการหูฟังดีไซน์พรีเมียม, เหมาะกับการฟังเพลงอย่างจริงจัง,
ไดรเวอร์ | Bluetooth | แบตเตอรี่ (หูฟัง+เคส) | ANC | กันน้ำ | Codec ที่รองรับ | การปรับแต่ง |
---|---|---|---|---|---|---|
TrueResponse | 5.4 | สูงสุด 28 ชม. | Adaptive ANC, | IPX4 | aptX Adaptive, aptX Lossless, LDAC, AAC, SBC | EQ ผ่านแอป |
7. Audio-Technica – ATH-TWX9
- ชื่อแบรนด์: Audio-Technica
- ชื่อสินค้า: ATH-TWX9
- ราคาสินค้า: ประมาณ 8,000 - 9,000 บาท
- คำอธิบายสินค้า: แบรนด์ที่สายเครื่องเสียงรู้จักกันดี และหูฟัง True Wireless รุ่นนี้ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง ให้เสียงที่เป็นเอกลักษณ์สไตล์ Audio-Technica ที่เน้นความใส เคลียร์ รายละเอียดเสียงดีมาก โดยเฉพาะเสียงย่านกลางและแหลม ฟังเพลงร้อง เพลงบรรเลง หรือเพลงคลาสสิกคือฟินสุดๆ มี ANC ที่ใช้งานได้จริง และฟังก์ชันน่าสนใจอื่นๆ อีกเพียบ ตอบโจทย์คนที่ชอบเสียงสไตล์ Monitor เน้นความเที่ยงตรงของเสียง หรือคนที่ใช้หูฟัง Audio-Technica อยู่แล้ว,
- จุดเด่นสินค้า: คุณภาพเสียงเป็นเอกลักษณ์ สไตล์ Audio-Technica, รายละเอียดเสียงคมชัด โดยเฉพาะย่านกลางและแหลม, มี ANC และ Transparency Mode, ฟังก์ชันหลากหลาย, วัสดุคุณภาพดี
- ฟังก์ชันการใช้งาน:
- Audio-Technica Signature Sound: มอบคุณภาพเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ ที่เน้นความชัดเจน รายละเอียดที่แม่นยำ และเสียงย่านกลางและแหลมที่โดดเด่น เหมาะสำหรับการฟังเพลงที่ต้องการเก็บรายละเอียดของเสียงเครื่องดนตรีและเสียงร้อง,
- Active Noise Cancellation and Hear-Through: สามารถเลือกที่จะตัดเสียงรบกวนภายนอกเพื่อความสงบในการฟังเพลง หรือเปิดโหมด Hear-Through เพื่อรับฟังเสียงรอบข้าง เพิ่มความปลอดภัยเมื่อใช้งานนอกสถานที่ หรือต้องการพูดคุยกับผู้อื่น
- Fast Pair และ Multipoint Pairing: รองรับ Google Fast Pair ทำให้เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ Android ได้อย่างรวดเร็ว และรองรับ Multipoint Pairing ทำให้สามารถเชื่อมต่อหูฟังกับอุปกรณ์ได้พร้อมกันสองเครื่อง สลับการใช้งานได้อย่างสะดวก,
- UV Sterilization System: เคสชาร์จมีระบบฆ่าเชื้อด้วยแสง UV ในตัว ช่วยทำความสะอาดหูฟังขณะเก็บ ทำให้มั่นใจได้ว่าหูฟังสะอาด ปลอดภัยต่อการใช้งาน
- กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: นักฟังเพลงที่ชอบเสียงสไตล์ Monitor, ผู้ที่ชื่นชอบแบรนด์ Audio-Technica, เหมาะกับการฟังเพลงที่เน้นรายละเอียด, การใช้งานทั่วไปที่ต้องการฟังก์ชันหลากหลาย,
ไดรเวอร์ | Bluetooth | แบตเตอรี่ (หูฟัง+เคส) | ANC | กันน้ำ | Codec ที่รองรับ | ฟีเจอร์เด่น |
---|---|---|---|---|---|---|
Dynamic | 5.2 | สูงสุด 18.5 ชม. | มี | IPX4 | aptX Adaptive, AAC, SBC | UV Sterilization |
8. Jabra – Elite 10 Gen 2
- ชื่อแบรนด์: Jabra
- ชื่อสินค้า: Elite 10 Gen 2
- ราคาสินค้า: ประมาณ 9,000 - 10,000 บาท
- คำอธิบายสินค้า: Jabra ขึ้นชื่อเรื่องหูฟังสำหรับการทำงานและการสนทนา และรุ่น Elite 10 Gen 2 นี้ก็ทำได้ดีทั้งเรื่องเสียงเพลงและการคุยโทรศัพท์ ให้เสียงที่ชัดเจน สมดุล ฟังเพลงได้หลายแนว ไมโครโฟนสำหรับคุยโทรศัพท์คือดีมาก ตัดเสียงรบกวนรอบข้างได้ดี ทำให้ปลายสายได้ยินเสียงเราชัดเจนสุดๆ ดีไซน์เน้นความกระชับ ใส่สบาย เหมาะกับการใช้งานตลอดวัน ไม่ว่าจะประชุมออนไลน์ ฟังเพลง หรือออกกำลังกาย
- จุดเด่นสินค้า: คุณภาพเสียงดี สมดุล, ไมโครโฟนคุณภาพสูงสำหรับการโทร, ใส่สบาย กระชับหู เหมาะกับการใช้งานนานๆ, ระบบตัดเสียงรบกวนคุณภาพดี, ทนทาน เหมาะกับการใช้งานหลากหลาย
- ฟังก์ชันการใช้งาน:
- Clear Calls with Multi-Sensor Voice Technology: มาพร้อมไมโครโฟนหลายตัวและเทคโนโลยีขั้นสูงที่ช่วยแยกเสียงพูดออกจากเสียงรบกวนรอบข้าง ทำให้เสียงสนทนาคมชัดเป็นธรรมชาติ ปลายสายได้ยินเสียงของเราอย่างชัดเจน แม้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงดัง
- Active Noise Cancellation and HearThrough: สามารถเลือกที่จะตัดเสียงรบกวนภายนอกเพื่อเพิ่มสมาธิ หรือเปิดโหมด HearThrough เพื่อรับฟังเสียงรอบข้าง เพิ่มความปลอดภัยและความสะดวกในการใช้งานในชีวิตประจำวัน
- ComfortFit Technology: การออกแบบหูฟังตามหลักสรีรศาสตร์ที่เน้นความสบายและความกระชับในการสวมใส่ สามารถใส่ใช้งานได้เป็นระยะเวลานานโดยไม่รู้สึกอึดอัด เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องใส่หูฟังตลอดวัน
- Durable and Water Resistant: มีคุณสมบัติกันน้ำและกันฝุ่นในระดับหนึ่ง ทำให้สามารถใช้งานได้ในหลากหลายสถานการณ์ เช่น การออกกำลังกาย หรือการใช้งานในสภาพอากาศที่ไม่เป็นใจ,
- กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: ผู้ที่เน้นการใช้งานสำหรับการทำงาน ประชุมออนไลน์, ผู้ที่ต้องการหูฟังที่คุยโทรศัพท์ได้ชัดเจน, ผู้ที่มองหาหูฟังที่ใส่สบายตลอดวัน, เหมาะกับการใช้งานหลากหลายในชีวิตประจำวัน
ไดรเวอร์ | Bluetooth | แบตเตอรี่ (หูฟัง+เคส) | ANC | กันน้ำ | Codec ที่รองรับ | ไมโครโฟน |
---|---|---|---|---|---|---|
6 มม. | 5.3 | สูงสุด 32 ชม. | Active Noise Cancellation | IP57 | AAC, SBC | 6 ตัว |
9. Technics – EAH-AZ80
- ชื่อแบรนด์: Technics
- ชื่อสินค้า: EAH-AZ80
- ราคาสินค้า: ประมาณ 10,000 - 12,000 บาท,,
- คำอธิบายสินค้า: แบรนด์เครื่องเสียงระดับตำนานที่หันมาทำหูฟัง True Wireless แล้วทำได้ดีเกินคาด รุ่น AZ80 ให้คุณภาพเสียงที่ยอดเยี่ยมตามแบบฉบับ Technics เสียงเคลียร์ มีรายละเอียดที่ชัดเจน เบสกระชับฟังสนุก เวทีเสียงกำลังดี มีระบบตัดเสียงรบกวนที่ใช้งานได้จริง และฟังก์ชัน Multipoint Connection ที่เชื่อมต่อได้ถึง 3 อุปกรณ์พร้อมกัน ตอบโจทย์คนที่ชอบเสียงคุณภาพดี และต้องการหูฟังที่เชื่อมต่อได้หลากหลาย,,
- จุดเด่นสินค้า: คุณภาพเสียงระดับ Hi-Fi ตามแบบฉบับ Technics, รายละเอียดเสียงคมชัด เบสกระชับ, เชื่อมต่อแบบ Multipoint ได้ถึง 3 อุปกรณ์, ระบบตัดเสียงรบกวนคุณภาพดี, ดีไซน์สวยงาม,,
- ฟังก์ชันการใช้งาน:
- Technics Authentic Sound: มอบคุณภาพเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ของ Technics ที่เน้นความเที่ยงตรง รายละเอียดที่ชัดเจน และความสมดุลของเสียงในทุกย่าน ให้ประสบการณ์การฟังเพลงที่ใกล้เคียงกับต้นฉบับมากที่สุด,
- Industry-Leading Noise Cancelling: ระบบตัดเสียงรบกวนที่มีประสิทธิภาพสูง ช่วยลดเสียงรบกวนรอบข้างได้อย่างดีเยี่ยม ทำให้สามารถเพลิดเพลินกับเสียงเพลงหรือพอดแคสต์ได้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงดังเพียงใด,
- Multipoint Connection (3 Devices): เป็นหนึ่งในไม่กี่รุ่นที่สามารถเชื่อมต่อหูฟังกับอุปกรณ์ได้พร้อมกันถึงสามเครื่อง ทำให้สลับการใช้งานระหว่างสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และแล็ปท็อปได้อย่างสะดวกสบายมากๆ,
- JustMyVoice Technology: เทคโนโลยีไมโครโฟนที่ช่วยโฟกัสเสียงพูดของผู้ใช้งานและลดเสียงรบกวนรอบข้าง ทำให้เสียงสนทนาผ่านหูฟังมีความชัดเจนเป็นธรรมชาติ ปลายสายได้ยินเสียงของเราอย่างชัดเจน,
- กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: นักฟังเพลงที่เน้นคุณภาพเสียง Hi-Fi, ผู้ที่ต้องการหูฟังที่เชื่อมต่อได้หลากหลายอุปกรณ์, เหมาะกับการใช้งานทั้งฟังเพลง ทำงาน และคุยโทรศัพท์,,
ไดรเวอร์ | Bluetooth | แบตเตอรี่ (หูฟัง+เคส) | ANC | กันน้ำ | Codec ที่รองรับ | การเชื่อมต่อ |
---|---|---|---|---|---|---|
10 มม. | 5.3 | สูงสุด 25 ชม. | มี | IPX4 | LDAC, AAC, SBC | Multipoint (3 devices), |
10. Nothing – Ear (a)
- ชื่อแบรนด์: Nothing
- ชื่อสินค้า: Ear (a)
- ราคาสินค้า: ประมาณ 5,500 - 6,000 บาท,
- คำอธิบายสินค้า: แบรนด์ดีไซน์ล้ำที่มาแรงสุดๆ หูฟังรุ่น Ear (a) โดดเด่นด้วยดีไซน์โปร่งใสที่เป็นเอกลักษณ์ ไม่เหมือนใคร คุณภาพเสียงดีเกินราคา เบสแน่นกำลังดี ฟังสนุก ได้รายละเอียดที่ชัดเจน มีระบบตัดเสียงรบกวนที่ใช้งานได้จริง แบตเตอรี่ใช้งานได้นาน เหมาะกับคนที่ชอบดีไซน์สวยๆ ล้ำๆ หรืออยากลองหูฟังจากแบรนด์ใหม่ๆ ที่น่าจับตามอง ในราคาที่เข้าถึงง่าย,,,
- จุดเด่นสินค้า: ดีไซน์โปร่งใส เป็นเอกลักษณ์, คุณภาพเสียงดีเกินคาด, เบสแน่นฟังสนุก, มี ANC ที่ใช้งานได้จริง, แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนาน,,,
- ฟังก์ชันการใช้งาน:
- Iconic Transparent Design: มาพร้อมดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ของ Nothing ที่เน้นความโปร่งใส โชว์ให้เห็นส่วนประกอบภายใน เป็นหูฟังที่โดดเด่น สะดุดตา ไม่เหมือนใคร เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบดีไซน์ที่แตกต่าง,
- Punchy Sound with Clear Details: ให้คุณภาพเสียงที่ดีเกินคาดสำหรับหูฟังในช่วงราคานี้ ด้วยเบสที่แน่น มีน้ำหนัก ฟังสนุก พร้อมรายละเอียดเสียงในย่านอื่นๆ ที่ชัดเจน ไม่ขุ่นมัว ฟังเพลงได้หลากหลายแนว,,
- Active Noise Cancellation: มีระบบตัดเสียงรบกวนที่ช่วยลดเสียงรบกวนรอบข้าง ทำให้สามารถเพลิดเพลินกับเสียงเพลงหรือพอดแคสต์ได้อย่างมีสมาธิ เหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวัน,,
- Extended Battery Life: แบตเตอรี่หูฟังใช้งานได้ยาวนานต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง และเมื่อรวมกับเคสชาร์จ ก็สามารถใช้งานได้ตลอดวันโดยไม่ต้องกังวลเรื่องแบตหมด,,
- กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: ผู้ที่ชื่นชอบดีไซน์สวยงาม เป็นเอกลักษณ์, ผู้ที่มองหาหูฟังคุณภาพเสียงดีในราคาที่เข้าถึงง่าย, เหมาะกับการใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวัน, ฟังเพลงหลากหลายแนว,,,
ไดรเวอร์ | Bluetooth | แบตเตอรี่ (หูฟัง+เคส) | ANC | กันน้ำ | Codec ที่รองรับ | ดีไซน์ |
---|---|---|---|---|---|---|
11 มม. | 5.3, | สูงสุด 30 ชม. (ANC Off), | มี,, | IP54,, | LDAC, AAC, SBC, | Transparent Design, |
ทริคเลือกซื้อหูฟังไร้สายให้ได้ "เสียงเทพ แบตทนทาน อิสระทุกการฟัง" ฉบับปี 2025
-
1. เรื่อง "เสียง" นี่สำคัญสุดๆ ต้องถูกหูเราเป็นอันดับแรก!
เวลาเลือกหูฟังไร้สายเนี่ย นอกจากดีไซน์ ฟังก์ชัน หรือแบตเตอรี่แล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดแบบก.ไก่ล้านตัวเลยคือ "คุณภาพเสียง" จ้า เพราะหูฟังมีไว้ฟังเนอะ ถ้าเสียงไม่ถูกใจ ต่อให้ฟังก์ชันเทพแค่ไหนก็จบนะบอกเลย! แต่คำว่า "เสียงเทพ" ของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกันอีกนั่นแหละ บางคนชอบเบสหนักๆ ตึ้บๆ ฟังแล้วคึกคักโยกตามได้ บางคนชอบเสียงใสๆ รายละเอียดเยอะๆ ได้ยินเสียงเครื่องดนตรีชัดๆ เหมือนไปนั่งฟังคอนเสิร์ตอยู่ตรงหน้า หรือบางคนอาจจะเน้นเสียงร้องหวานๆ กลมกล่อมๆ ฟังแล้วเคลิ้ม นั่นแหละคือโจทย์ของเรา! ก่อนจะตัดสินใจซื้อ ลองลิสต์เพลงโปรดของเรามาเลยค่ะ แล้วดูว่าแนวเพลงที่เราฟังส่วนใหญ่เป็นแบบไหน ถ้าเป็น EDM, Hip-Hop, หรือเพลง Pop ทั่วไปที่เน้นจังหวะสนุกๆ หูฟังที่ให้เบสดีๆ ก็อาจจะตอบโจทย์ แต่ถ้าเป็นเพลง Acoustic, Jazz, Classical, หรือเพลงบรรเลงที่เน้นรายละเอียด หูฟังที่ให้เสียงกลางและแหลมที่ชัดเจน เวทีเสียงกว้างๆ ก็จะทำให้เราฟินกว่า หรือถ้าฟังเพลงหลากหลายแนว ก็มองหารุ่นที่เสียงค่อนข้างสมดุล ปรับ EQ ได้เยอะๆ ก็จะยืดหยุ่นกว่านะ นอกจากแนวเพลงแล้ว ประเภทของไดรเวอร์ก็มีผลนะ ส่วนใหญ่หูฟัง True Wireless จะใช้ Dynamic Driver ซึ่งให้เสียงเบสได้ดี แต่บางรุ่นอาจจะมี Balanced Armature หรือ Planar Magnetic Drivers เข้ามาผสมเพื่อเพิ่มความคมชัดของเสียงในย่านสูงๆ แต่เอาจริงๆ ไม่ต้องไปจำศัพท์เทคนิคเยอะแยะก็ได้จ้า วิธีที่ดีที่สุดคือถ้ามีโอกาสนะ ไปลองฟังของจริงเลยที่ร้าน! พกมือถือตัวเองไป ไฟล์เพลงที่ชอบ ไปลองต่อ Bluetooth แล้วลองฟังดูว่าเสียงมันเป็นแบบที่เราชอบไหม เบสแน่นพอไหม เสียงร้องชัดเจนหรือเปล่า ลองฟังหลายๆ รุ่น หลายๆ แบรนด์ดู แล้วจะเจอเนื้อคู่ทางเสียงเองจ้า หรือถ้าไม่มีโอกาสลองฟังจริงๆ ก็ต้องพึ่งรีวิวจากคนที่มีประสบการณ์เยอะๆ ดูรีวิวทั้งไทยและต่างประเทศ เปรียบเทียบหลายๆ แหล่ง แล้วค่อยตัดสินใจนะ เพราะบางทีรีวิวจากคนไทยด้วยกันก็จะตรงกับรสนิยมการฟังเพลงของเรามากกว่านะเออ และอย่าลืมดูเรื่อง Codec ที่รองรับด้วยนะ ถ้ามือถือเรารองรับ LDAC, aptX Adaptive, หรือ AAC แล้วหูฟังก็รองรับด้วย คุณภาพเสียงที่ได้ก็จะดีกว่า Codec พื้นฐานอย่าง SBC นะจ๊ะ แต่สุดท้ายแล้วนะ เสียงที่ "ใช่" ที่สุดคือเสียงที่เราฟังแล้วมีความสุขที่สุดนั่นแหละ!
-
2. แบตเตอรี่ต้อง "อึด" ให้สุด จะได้ฟังเพลินๆ ไม่มีสะดุด!
ไหนใครเคยหงุดหงิดเวลาหูฟังแบตหมดตอนกำลังอินกับเพลงโปรดตอนเดินทางบ้าง? เจ๊ล่ะเป็นบ่อยเลย! นั่นแหละคือเหตุผลว่าทำไม "แบตเตอรี่ทนทาน" ถึงเป็นคุณสมบัติที่สำคัญมากๆ ของหูฟังไร้สายในปี 2025 นี้ เพราะความอิสระในการฟังมันจะสมบูรณ์ได้ก็ต่อเมื่อแบตเตอรี่ไม่งอแงเนอะ เวลาดูสเปคแบตเตอรี่ของหูฟังไร้สาย ให้ดูสองส่วนนะจ๊ะ ส่วนแรกคือระยะเวลาใช้งานของตัวหูฟังเองต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ปกติจะอยู่ที่ประมาณ 4-12 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับรุ่นและฟังก์ชันที่เราเปิดใช้งาน (เช่น ANC จะกินแบตมากกว่า) ส่วนที่สองคือจำนวนครั้งที่เคสชาร์จสามารถชาร์จหูฟังจนเต็มได้ หรือบางทีก็จะระบุเป็นระยะเวลาใช้งานทั้งหมดเมื่อรวมกับเคสชาร์จ เช่น หูฟังอยู่ได้ 6 ชั่วโมง เคสชาร์จชาร์จได้อีก 3 ครั้ง รวมๆ แล้วก็ใช้ได้ประมาณ 24 ชั่วโมง อะไรประมาณนี้ ยิ่งตัวเลขเยอะยิ่งดีแน่นอนจ้า! เวลาเลือกซื้อให้พิจารณาจากการใช้งานจริงของเราเป็นหลักนะ ถ้าเราใช้หูฟังแค่ตอนเดินทางไปทำงาน หรือตอนออกกำลังกายสั้นๆ วันละชั่วโมงสองชั่วโมง หูฟังที่ใช้งานได้ 4-5 ชั่วโมงต่อครั้งก็อาจจะเพียงพอแล้ว แต่ถ้าเราเป็นสายเดินทางไกลๆ ขึ้นเครื่องบินบ่อยๆ หรือชอบฟังเพลงต่อเนื่องยาวๆ ระหว่างทำงาน รุ่นที่หูฟังอยู่ได้นาน 7-8 ชั่วโมงขึ้นไป และเคสชาร์จให้แบตมาเยอะๆ ก็จะตอบโจทย์มากกว่านะ บางรุ่นมีฟังก์ชันชาร์จเร็ว (Fast Charge) ด้วยนะ คือชาร์จแค่ไม่กี่นาทีก็ได้ฟังต่ออีกหลายชั่วโมง อันนี้ก็สะดวกมากๆ ในวันที่ลืมชาร์จแบต หรือรีบๆ นอกจากนี้ ฟังก์ชันเสริมอย่าง ANC หรือ Transparency Mode ก็มีผลกับแบตเตอรี่นะ ถ้าเปิดใช้งานตลอดเวลาก็จะเปลืองแบตกว่าการฟังแบบปกติ ลองดูว่าเราจะใช้ฟังก์ชันพวกนี้บ่อยแค่ไหนด้วยนะ และอย่าลืมว่าตัวเลขที่ผู้ผลิตเคลมมา มักจะเป็นการทดสอบในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม เช่น ปิด ANC ปรับเสียงไม่ดังมาก เพราะฉะนั้น เวลาใช้งานจริง แบตอาจจะหมดเร็วกว่าที่ระบุไว้นิดหน่อย ให้เผื่อใจไว้ด้วยนะจ๊ะ ดูรีวิวจากผู้ใช้งานจริงประกอบก็จะช่วยให้เห็นภาพรวมของแบตเตอรี่ได้ดีขึ้นมากๆ เลย และสุดท้าย การดูแลแบตเตอรี่ให้ถูกวิธี เช่น ไม่ควรปล่อยให้แบตหมดเกลี้ยงบ่อยๆ หรือหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ๆ อากาศร้อนจัด ก็จะช่วยยืดอายุแบตเตอรี่หูฟังของเราให้อยู่กับเราไปนานๆ ได้จ้า
-
3. "ความสบาย" ในการสวมใส่ และฟังก์ชันเสริม ต้องตรงกับไลฟ์สไตล์!
ใส่หูฟังทั้งวันทั้งคืน ถ้าไม่สบายหู ชีวิตก็ไม่มีความสุขเนอะ! เพราะงั้นความสบายในการสวมใส่เป็นอีกปัจจัยที่ต้องให้ความสำคัญมากๆ เลยจ้า โดยเฉพาะหูฟังแบบ In-Ear ที่ต้องยัดเข้าไปในรูหูเนี่ย ถ้าจุกหูฟัง (Ear Tips) ไม่พอดีกับขนาดหูของเรา อาจจะทำให้เจ็บหูง่าย หลุดง่าย หรือกันเสียงรอบข้างได้ไม่ดี หูฟังส่วนใหญ่จะมีจุกหูฟังมาให้หลายขนาด ลองเปลี่ยนดูให้เข้ากับหูเราที่สุดนะ บางยี่ห้ออาจจะมีจุกแบบโฟมให้ด้วย ซึ่งมักจะกระชับกว่าและช่วยเรื่องการกันเสียงได้ดีขึ้น ลองดูกันได้เลย นอกจากเรื่องจุกแล้ว รูปทรงของตัวหูฟังเองก็มีผลนะ บางรุ่นอาจจะใหญ่เทอะทะไปหน่อย บางรุ่นเล็กกะทัดรัด ลองดูดีไซน์ที่คิดว่าน่าจะเข้ากับรูปทรงหูของเรานะจ๊ะ ถ้าเป็นไปได้ก็ลองสวมดูก่อนตัดสินใจซื้อเลย สบายไม่สบาย รู้เรื่อง! นอกจากความสบายแล้ว ฟังก์ชันเสริมต่างๆ นี่แหละตัวช่วยให้อิสระในการฟังของเราสมบูรณ์แบบมากขึ้น! Active Noise Cancellation (ANC) หรือระบบตัดเสียงรบกวนนี่ฮิตสุดๆ ไปเลย เหมาะมากๆ ถ้าเราต้องเดินทางในที่ๆ มีเสียงดังๆ หรืออยากได้สมาธิในการทำงาน บางรุ่นมี Transparency Mode ด้วยนะ คือเปิดรับเสียงภายนอกเข้ามา ทำให้เราได้ยินเสียงรอบข้างโดยไม่ต้องถอดหูฟัง สะดวกและปลอดภัยมากๆ เวลาเดินอยู่บนถนน หรือคุยกับคนอื่น นอกจากนี้ก็มีฟังก์ชันอื่นๆ ที่น่าสนใจอีกเพียบ เช่น การกันน้ำกันเหงื่อ (ดูค่า IP Rating ยิ่งเลขเยอะยิ่งกันน้ำได้ดี เหมาะกับสายออกกำลังกาย), ระบบควบคุมแบบสัมผัส (Touch Control) ที่ทำให้สั่งงานได้ง่ายๆ แค่แตะๆ ที่หูฟัง, การรองรับ Voice Assistant (เช่น Siri, Google Assistant) ทำให้สั่งงานด้วยเสียงได้, ฟังก์ชัน Multipoint Connection ที่เชื่อมต่อได้หลายอุปกรณ์พร้อมกัน หรือแม้แต่แอปพลิเคชันสำหรับปรับแต่งหูฟัง ที่ให้เราปรับ EQ, ตั้งค่า ANC, หรืออัปเดตเฟิร์มแวร์ได้ เลือกฟังก์ชันที่จำเป็นและตรงกับไลฟ์สไตล์ของเรานะ ไม่จำเป็นต้องมีครบทุกอย่างก็ได้ เอาที่เราได้ใช้จริงๆ จะได้คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปจ้า!
คำถามพบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับหูฟังไร้สาย ปี 2025
- Q: หูฟังไร้สายปี 2025 ต่างจากรุ่นปีก่อนๆ ยังไงบ้าง?
A: โดยรวมแล้ว หูฟังไร้สายปี 2025 มีแนวโน้มที่จะพัฒนาในเรื่องคุณภาพเสียงให้ดียิ่งขึ้นไปอีก รองรับ Codec คุณภาพสูงมากขึ้น ระบบตัดเสียงรบกวน (ANC) ก็จะฉลาดและมีประสิทธิภาพมากขึ้น แบตเตอรี่ใช้งานได้นานขึ้น และดีไซน์ก็จะเน้นความสบายในการสวมใส่มากขึ้น รวมถึงมีฟังก์ชันเสริมที่หลากหลายและตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวันมากขึ้นด้วยค่ะ,,, - Q: คุณภาพเสียงของหูฟังไร้สายเทียบเท่าหูฟังแบบมีสายได้หรือยัง?
A: สำหรับหูฟังไร้สายระดับพรีเมียมที่รองรับ Codec คุณภาพสูงอย่าง LDAC หรือ aptX Adaptive คุณภาพเสียงถือว่าใกล้เคียงกับหูฟังแบบมีสายที่ดีมากๆ แล้วค่ะ,, ในแง่ของการฟังเพลงทั่วไป คนส่วนใหญ่อาจจะไม่สามารถแยกความแตกต่างได้ชัดเจน แต่สำหรับนักฟังเพลงที่เน้นรายละเอียดมากๆ หูฟังมีสายระดับ Audiophile อาจจะยังให้คุณภาพเสียงที่ดีกว่าในบางมิติค่ะ - Q: ANC (Active Noise Cancellation) จำเป็นไหม?
A: ขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานค่ะ ถ้าคุณต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงดังบ่อยๆ เช่น เดินทางด้วยรถไฟฟ้า ทำงานในออฟฟิศที่มีเสียงรบกวน หรือต้องการสมาธิในการฟังเพลง ANC ก็จะช่วยลดเสียงรบกวนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ฟังเพลงได้ชัดเจนและสบายหูมากขึ้นค่ะ,, แต่ถ้าส่วนใหญ่ใช้งานในที่ๆ เงียบสงบ หรือไม่ต้องการตัดขาดจากสภาพแวดล้อมรอบข้าง ANC อาจจะไม่จำเป็นสำหรับคุณค่ะ - Q: ควรเลือกหูฟังไร้สายแบบ In-Ear หรือ Earbuds ดี?
A: หูฟังแบบ In-Ear จะมีจุกยางที่สอดเข้าไปในรูหู ทำให้สวมใส่ได้กระชับกว่า กันเสียงรบกวนภายนอกได้ดีกว่า และให้เสียงเบสที่แน่นกว่า เหมาะสำหรับคนที่ชอบเบส หรือต้องการหูฟังที่กระชับไม่หลุดง่ายเวลาเคลื่อนไหว ส่วนหูฟังแบบ Earbuds จะวางอยู่บริเวณใบหู ไม่ได้สอดเข้าไปในรูหู ทำให้ใส่สบาย ไม่อึดอัดเท่า In-Ear แต่อาจจะหลุดง่ายกว่า และกันเสียงรบกวนได้น้อยกว่า เหมาะสำหรับคนที่ชอบความสบาย ไม่อึดอัด หรือคนที่หูไม่เหมาะกับการใส่แบบ In-Ear ค่ะ, - Q: การดูแลรักษาหูฟังไร้สายให้ใช้งานได้นานๆ ต้องทำยังไงบ้าง?
A: ควรทำความสะอาดหูฟังและเคสชาร์จเป็นประจำ โดยใช้ผ้านุ่มๆ แห้งๆ เช็ดทำความสะอาดคราบเหงื่อและความสกปรก หลีกเลี่ยงการนำหูฟังไปโดนน้ำหรือความชื้นโดยตรง (ยกเว้นรุ่นที่ระบุว่ากันน้ำได้), เก็บหูฟังไว้ในเคสชาร์จเมื่อไม่ใช้งาน เพื่อป้องกันการสูญหายและเป็นการชาร์จแบตเตอรี่ไปในตัว หลีกเลี่ยงการปล่อยให้แบตเตอรี่หมดเกลี้ยงบ่อยๆ และควรเก็บหูฟังไว้ในอุณหภูมิที่เหมาะสม ไม่ร้อนหรือเย็นจัดเกินไปค่ะ
วิดีโอที่เกี่ยวข้อง
แนะนำสำหรับคุณ
10 อันดับ SSD ยี่ห้อไหนดี ปี 2025 เร็วแรงทะลุโลก บูทเครื่องไว
10 ที่เก็บสายหูฟัง ยี่ห้อไหนดี ปี 2025 จัดระเบียบสาย ไม่พันกัน ดีไซน์เก๋
10 ลำโพงไร้สาย ยี่ห้อไหนดี ปี 2025 อิสระแห่งเสียงเพลง พกพาสะดวก
10 หูฟัง Panasonic รุ่นไหนดี ปี 2025 เสียงคุณภาพญี่ปุ่น ทนทานน่าใช้
10 เฮดโฟน SONY รุ่นไหนดี ปี 2025 ตัดเสียงรบกวนขั้นเทพ ดื่มด่ำทุกโน้ตเพลง
10 เครื่องปริ้น Epson รุ่นไหนดี ปี 2025 แท็งค์แท้ ประหยัดหมึก พิมพ์เยอะคุ้ม