สวัสดีจ้าาา! ทุกคนขาาา สายช้อปออนไลน์ ฟังทางนี้! วันนี้เจ๊มาพร้อมกับ gadget คู่ใจที่ขาดไม่ได้ในยุคนี้ นั่นก็คือ "หูฟัง" นั่นเองงงง แต่ไม่ใช่หูฟังธรรมดานะจ๊ะ เป็นหูฟังที่คุณภาพเกินราคา แบบว่าจ่ายแบงค์ร้อย แต่ได้เสียงหลักพันเลยแกรรร! กับหัวข้อที่เราจะมาเม้าท์มอยกันวันนี้คือ 《10 หูฟัง ราคาไม่เกิน 500 ยี่ห้อไหนดี ปี 2025 คุ้มค่าเกินร้อย เสียงดีน่าฟัง》 ใครที่งบน้อยแต่อยากได้หูฟังดีๆ ไว้ฟังเพลง ดูหนัง เล่นเกม หรือจะเอาไว้เม้าท์กับเพื่อนแบบชัดๆ ไม่ต้องทนเสียงแตกๆ ซ่าๆ อีกต่อไป ปักหมุดรอเลยจ้าาา เจ๊คัดมาให้แล้วเน้นๆ 10 ตัวเด็ดๆ รับรองว่าโดนใจสายประหยัดแน่นอน!
1. หูฟังอินเอียร์ KZ EDX Pro X
- ชื่อแบรนด์: KZ
- ชื่อสินค้า: หูฟังอินเอียร์ รุ่น EDX Pro X
- ราคาสินค้า: ประมาณ 188 - 250 บาท
- คำอธิบายสินค้า: หูฟังอินเอียร์จาก KZ รุ่น EDX Pro X ตัวนี้เป็นที่นิยมในหมู่นักฟังเพลงและเกมเมอร์งบประหยัด ด้วยดีไซน์ที่ออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ ทำให้ใส่สบาย แน่นกระชับหู ไม่หลุดง่าย มาพร้อมไดรเวอร์คุณภาพที่ให้เสียงคมชัด รายละเอียดดีเกินคาดในเรทราคานี้ สายหูฟังสามารถถอดเปลี่ยนได้ เหมาะสำหรับคนที่อยากอัพเกรดคุณภาพเสียงโดยไม่ต้องจ่ายแพง หรือคนที่ชอบปรับเปลี่ยนสายหูฟังตามความชอบ
- จุดเด่นสินค้า: คุณภาพเสียงดีเกินราคา, ดีไซน์ใส่สบายกระชับหู, สายถอดเปลี่ยนได้, มีสีให้เลือกหลากหลาย, เป็นที่นิยมในกลุ่มนักเล่นเกม
- ฟังก์ชันการใช้งาน:
- ใช้ฟังเพลง: ให้รายละเอียดเสียงได้ดีกว่าหูฟังแถมมือถือทั่วไป เบสพอดีๆ เหมาะกับเพลงหลากหลายแนว.
- ใช้เล่นเกม: สามารถแยกทิศทางเสียงในเกมได้พอสมควร ช่วยให้เล่นเกมได้สนุกและแม่นยำขึ้นในงบจำกัด.
- ใช้ดูหนัง/ซีรีส์: เสียงพูดชัดเจน ไม่ดีเลย์ ทำให้รับชมคอนเทนต์ต่างๆ ได้อย่างเพลิดเพลิน.
- กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: นักเรียน, นักศึกษา, คนทำงานทั่วไป, เกมเมอร์งบน้อย, ผู้ที่ต้องการหูฟังคุณภาพดีในราคาประหยัด
ประเภทหูฟัง | ประเภทไดร์เวอร์ | ขนาดไดรเวอร์ | ความต้านทาน | การเชื่อมต่อ | ความยาวสาย | มีไมโครโฟน |
---|
อินเอียร์ (In-ear) | Dynamic | 10 มม. | 23 Ohms | มีสาย (AUX 3.5 มม.) | ประมาณ 1.2 เมตร | มีบางรุ่น |
2. หูฟังไร้สาย Hoco EW09
- ชื่อแบรนด์: Hoco
- ชื่อสินค้า: หูฟังไร้สาย EW09
- ราคาสินค้า: ประมาณ 300 - 450 บาท
- คำอธิบายสินค้า: หูฟังไร้สายแบบ True Wireless จาก Hoco รุ่น EW09 ดีไซน์ดูดีเกินราคา มาพร้อมเคสชาร์จขนาดกะทัดรัด พกพาสะดวก ให้เสียงที่ฟังสนุก เบสแน่นพอประมาณ ตอบโจทย์การใช้งานทั่วไปได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะฟังเพลง ดูหนัง หรือใช้คุยโทรศัพท์ เชื่อมต่อผ่านบลูทูธเวอร์ชันใหม่ ทำให้การเชื่อมต่อเสถียร ใช้งานง่ายด้วยระบบสัมผัส เหมาะสำหรับคนที่อยากลองใช้หูฟังไร้สาย แต่ยังไม่อยากลงทุนเยอะ
- จุดเด่นสินค้า: ราคาเข้าถึงง่าย, ดีไซน์สวย, เป็นหูฟังไร้สาย (True Wireless), ควบคุมด้วยระบบสัมผัส, เชื่อมต่อบลูทูธ 5.0
- ฟังก์ชันการใช้งาน:
- ฟังเพลงแบบไร้สาย: อิสระในการฟังเพลง ไม่มีสายเกะกะ เหมาะกับชีวิตประจำวันและการเดินทาง.
- รับสาย/วางสาย: ควบคุมการโทรได้สะดวกผ่านระบบสัมผัสที่ตัวหูฟัง.
- สั่งงานผู้ช่วยอัจฉริยะ: รองรับการเรียกใช้งาน Siri หรือ Google Assistant ได้ง่ายๆ.
- กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: คนที่ชอบความสะดวกสบายแบบไร้สาย, ใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวัน, ฟังเพลง, ดูหนัง, คุยโทรศัพท์
ประเภทหูฟัง | รูปแบบการใช้งาน | Bluetooth Version | ระยะเวลาใช้งาน | ประเภทการควบคุม | มีไมโครโฟน | พอร์ตชาร์จ |
---|
อินเอียร์ (In-ear) | ไร้สาย (True Wireless) | 5.0 | ประมาณ 4 ชั่วโมง (ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง) | ระบบสัมผัส | มี | Lightning |
3. หูฟังไร้สาย Baseus WM01
- ชื่อแบรนด์: Baseus
- ชื่อสินค้า: หูฟังไร้สาย Encok True Wireless Earphones WM01
- ราคาสินค้า: ประมาณ 350 - 490 บาท
- คำอธิบายสินค้า: หูฟัง True Wireless ยอดฮิตอีกตัวในงบไม่เกิน 500 บาทจาก Baseus รุ่น WM01 โดดเด่นที่ดีไซน์มินิมอล สีสันสดใส และขนาดที่เล็กกะทัดรัดมากๆ ใส่สบาย น้ำหนักเบา พกพาง่าย คุณภาพเสียงชัดเจน ใช้ฟังเพลง ดูหนัง คุยโทรศัพท์ได้ดี แบตเตอรี่ใช้งานได้ต่อเนื่องหลายชั่วโมง และชาร์จเพิ่มได้จากเคส เป็นหูฟังไร้สายราคาเป็นมิตรที่เหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวันสุดๆ
- จุดเด่นสินค้า: ขนาดเล็กกะทัดรัด, ดีไซน์มินิมอล, ใส่สบายน้ำหนักเบา, แบตเตอรี่ใช้งานได้นาน, ราคาประหยัด
- ฟังก์ชันการใช้งาน:
- ฟังเพลงไร้สายได้นาน: เพลิดเพลินกับเสียงเพลงได้ต่อเนื่องตลอดวันด้วยแบตเตอรี่ในตัวและจากเคสชาร์จ.
- ควบคุมเพลงและการโทร: สั่งงาน เล่น/หยุดเพลง ข้ามเพลง รับสาย/วางสาย ผ่านการสัมผัสที่ตัวหูฟัง.
- พกพาสะดวก: ขนาดเล็กและเบามาก ใส่กระเป๋าเสื้อ กางเกง หรือกระเป๋าเล็กๆ ได้สบาย.
- กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: คนที่ชอบหูฟังขนาดเล็กและน้ำหนักเบา, เน้นพกพาสะดวก, ใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวัน, เดินทาง, ฟังเพลง
ประเภทหูฟัง | รูปแบบการใช้งาน | Bluetooth Version | ระยะเวลาใช้งาน | ระยะเวลา Standby | ความจุแบตเตอรี่ (หูฟัง/เคส) | พอร์ตชาร์จ |
---|
อินเอียร์ (In-ear) | ไร้สาย (True Wireless) | 5.0 | ประมาณ 4-5 ชั่วโมง | ประมาณ 250 ชั่วโมง | 40mAh / 300mAh | USB-C |
4. หูฟังบลูทูธ Lenovo LP40 Pro
- ชื่อแบรนด์: Lenovo
- ชื่อสินค้า: หูฟัง TWS รุ่น LP40 Pro
- ราคาสินค้า: ประมาณ 200 - 350 บาท
- คำอธิบายสินค้า: Lenovo LP40 Pro เป็นหูฟัง True Wireless ที่ได้รับความนิยมสูงในกลุ่มวัยรุ่นและนักศึกษา ด้วยราคาที่เป็นมิตรสุดๆ แต่ให้ฟังก์ชันที่น่าสนใจ ทั้งการเชื่อมต่อที่รวดเร็วผ่าน Bluetooth และคุณภาพเสียงที่ใช้ฟังเพลง ดูหนัง หรือเรียนออนไลน์ได้ดี มาพร้อมเคสชาร์จขนาดกะทัดรัด พกพาสะดวก ใช้งานง่ายด้วยระบบสัมผัส เหมาะสำหรับคนที่เพิ่งเริ่มต้นใช้หูฟังไร้สาย หรือต้องการหูฟังสำรองราคาไม่แพง
- จุดเด่นสินค้า: ราคาถูกมาก, เชื่อมต่อรวดเร็ว, ใช้งานง่ายด้วยระบบสัมผัส, น้ำหนักเบา, เหมาะกับผู้เริ่มต้น
- ฟังก์ชันการใช้งาน:
- เชื่อมต่อไร้สายกับมือถือ/แท็บเล็ต: สะดวกสบาย ใช้งานได้โดยไม่มีสายมารบกวน.
- ควบคุมมัลติมีเดีย: เล่น/หยุดเพลง ปรับระดับเสียง ข้ามเพลง ด้วยการแตะที่หูฟัง.
- สนทนาผ่านไมโครโฟน: ใช้คุยโทรศัพท์ หรือประชุมออนไลน์แบบไร้สายได้.
- กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: นักเรียน, นักศึกษา, ผู้ใช้งานทั่วไปที่เน้นความคุ้มค่า, ใช้เรียนออนไลน์, ฟังเพลง, ดูหนัง
ประเภทหูฟัง | รูปแบบการใช้งาน | Bluetooth Version | ระยะเวลาใช้งาน | ระยะเวลาชาร์จ | ระดับการกันน้ำ | มี Active Noise Cancelling |
---|
อินเอียร์ (In-ear) | ไร้สาย (True Wireless) | 5.1 | ประมาณ 3-5 ชั่วโมง | ประมาณ 1.5 ชั่วโมง | IPX5 | มีบางรุ่น |
5. หูฟังไร้สาย Remax TWS-19
- ชื่อแบรนด์: Remax
- ชื่อสินค้า: หูฟังบลูทูธ รุ่น Marshmallow Series TWS-19
- ราคาสินค้า: ประมาณ 300 - 450 บาท
- คำอธิบายสินค้า: Remax TWS-19 หรือรุ่น Marshmallow Series โดดเด่นที่ดีไซน์สีพาสเทลน่ารักสดใสมากๆ ถูกใจสายหวานแน่นอนค่ะ นอกจากดีไซน์ภายนอกที่น่ารักแล้ว คุณภาพเสียงก็ทำได้ดีในเรทราคานี้ ใส่สบายหู ไม่ทำให้ปวดหูเมื่อฟังนานๆ เชื่อมต่อผ่าน Bluetooth ควบคุมการทำงานด้วยระบบสัมผัส เป็นอีกตัวเลือกหูฟังไร้สายที่คุ้มค่าน่ารักน่าใช้มากๆ
- จุดเด่นสินค้า: ดีไซน์น่ารักสีพาสเทล, ใส่สบายหู, คุณภาพเสียงดีพอใช้, ควบคุมด้วยระบบสัมผัส, เชื่อมต่อ Bluetooth เสถียร
- ฟังก์ชันการใช้งาน:
- ฟังเพลงเพราะๆ: เพลิดเพลินกับเสียงเพลงด้วยคุณภาพเสียงที่คมชัด เหมาะกับเพลงสไตล์ป๊อป หรือเพลงฟังสบายๆ.
- แฮนด์ฟรีคอลลิ่ง: รับสาย/วางสายโทรศัพท์ได้สะดวก ไม่ต้องหยิบมือถือขึ้นมา.
- พกพาไปได้ทุกที่: ขนาดเล็ก น้ำหนักเบา พร้อมเคสชาร์จ พกพาใส่กระเป๋าได้ง่าย.
- กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: คนที่ชอบดีไซน์น่ารัก, ใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวัน, ฟังเพลง, ดูหนัง, คุยโทรศัพท์
ประเภทหูฟัง | รูปแบบการใช้งาน | Bluetooth Version | ระยะเวลาใช้งาน | ระยะเวลา Standby | ระยะเชื่อมต่อ | พอร์ตชาร์จ |
---|
เอียร์บัด (Earbuds) | ไร้สาย (True Wireless) | 5.1 | ประมาณ 5 ชั่วโมง | ประมาณ 200 ชั่วโมง | ประมาณ 10 เมตร | USB-C |
6. หูฟังเกมมิ่ง ONIKUMA K19 RGB Gaming Headset
- ชื่อแบรนด์: ONIKUMA
- ชื่อสินค้า: หูฟังเกมมิ่ง รุ่น K19 RGB Gaming Headset
- ราคาสินค้า: ประมาณ 400 - 500 บาท
- คำอธิบายสินค้า: สำหรับสายเกมเมอร์ งบไม่เกิน 500 บาท ก็มีหูฟังเกมมิ่งดีๆ ใช้เหมือนกันนะจ๊ะ ONIKUMA K19 RGB Gaming Headset ตัวนี้มาพร้อมดีไซน์ที่เท่สุดๆ มีไฟ RGB วิบวับ โดนใจวัยรุ่นแน่นอน คุณภาพเสียงเน้นทิศทาง เหมาะกับการเล่นเกมแนว FPS หรือเกมที่ต้องการรายละเอียดเสียง ที่สำคัญมีไมโครโฟนที่สามารถตัดเสียงรบกวนได้ ทำให้เพื่อนร่วมทีมได้ยินเสียงเราชัดเจน สื่อสารกันรู้เรื่อง!
- จุดเด่นสินค้า: ดีไซน์เกมมิ่งสวยเท่, มีไฟ RGB, ไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน, เสียงเน้นทิศทาง, ใส่สบายไม่ปวดหู
- ฟังก์ชันการใช้งาน:
- ใช้เล่นเกม: ได้ยินเสียงฝีเท้า เสียงศัตรูได้ชัดเจน เพิ่มอรรถรสและความได้เปรียบในการเล่นเกม.
- ใช้คุยกับเพื่อนร่วมทีม: ไมโครโฟนชัดเจน สื่อสารแผนการเล่นกับเพื่อนๆ ได้อย่างราบรื่น.
- ใช้ฟังเพลง: คุณภาพเสียงดีในระดับหนึ่ง สามารถใช้ฟังเพลงทั่วไปได้.
- กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: เกมเมอร์ (PC, Console, Mobile), สตรีมเมอร์, คนที่ชอบหูฟังดีไซน์เท่ๆ, ใช้คุย Discord/Teamspeak
ประเภทหูฟัง | รูปแบบการใช้งาน | ขนาดไดรเวอร์ | การเชื่อมต่อ | ความยาวสาย | มีไมโครโฟน | มีไฟ RGB | การควบคุมเสียง |
---|
เฮดโฟน (Headphone) | มีสาย | 40 มม. | AUX 3.5 มม. + USB (สำหรับไฟ RGB) | ประมาณ 2 เมตร | มี (ปรับงอได้) | มี | มีตัวควบคุมบนสาย |
7. หูฟังอินเอียร์ Sony MDR-E9LP
- ชื่อแบรนด์: Sony
- ชื่อสินค้า: หูฟัง In-Ear รุ่น MDR-E9LP
- ราคาสินค้า: ประมาณ 200 - 300 บาท
- คำอธิบายสินค้า: หูฟังอินเอียร์แบบคลาสสิกจากแบรนด์ดังระดับโลกอย่าง Sony รุ่น MDR-E9LP ถึงแม้จะเป็นรุ่นเก่า แต่ยังคงเป็นที่นิยมอย่างต่อเนื่อง ด้วยคุณภาพเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ของ Sony เสียงใส คมชัด รายละเอียดดี สวมใส่สบายหูมากๆ ไม่รู้สึกอึดอัด ดีไซน์เรียบง่าย มีหลายสีให้เลือก เป็นหูฟังมีสายที่คุ้มค่ามากๆ สำหรับคนที่เน้นคุณภาพเสียงและดีไซน์แบบดั้งเดิม
- จุดเด่นสินค้า: แบรนด์น่าเชื่อถือ, คุณภาพเสียงดี, ใส่สบายหู, ดีไซน์คลาสสิก, มีหลายสีให้เลือก
- ฟังก์ชันการใช้งาน:
- ฟังเพลงคุณภาพดี: สัมผัสคุณภาพเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ของ Sony เหมาะกับเพลงหลากหลายแนว โดยเฉพาะเพลงที่เน้นเสียงร้องและเครื่องดนตรี.
- ใช้งานกับอุปกรณ์หลากหลาย: เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต เครื่องเล่นเพลง หรือคอมพิวเตอร์ ผ่านพอร์ต 3.5 มม. ได้ง่าย.
- พกพาสะดวก: ขนาดเล็ก น้ำหนักเบา สายไม่ยาวเกินไป พกใส่กระเป๋าเสื้อ กางเกง ได้สบาย.
- กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: ผู้ที่ชื่นชอบแบรนด์ Sony, คนที่เน้นคุณภาพเสียง, ใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวัน, ฟังเพลง, ดูหนัง, เดินทาง
ประเภทหูฟัง | รูปแบบการใช้งาน | ขนาดไดรเวอร์ | ความถี่ที่ตอบสนอง | ความต้านทาน | ความยาวสาย | การเชื่อมต่อ | น้ำหนัก |
---|
อินเอียร์ (In-ear) | มีสาย | 9 มม. | 18 Hz - 22,000 Hz | 16 Ohms | ประมาณ 1.2 เมตร | AUX 3.5 มม. | ประมาณ 3 กรัม (ไม่รวมสาย) |
8. หูฟังบลูทูธ HOCO EW43
- ชื่อแบรนด์: HOCO
- ชื่อสินค้า: หูฟังบลูทูธ TWS รุ่น EW43
- ราคาสินค้า: ประมาณ 350 - 490 บาท
- คำอธิบายสินค้า: HOCO EW43 เป็นหูฟัง True Wireless อีกรุ่นที่น่าสนใจในงบไม่เกิน 500 บาท โดดเด่นที่การเชื่อมต่อ Bluetooth 5.3 ที่รวดเร็วและเสถียรมากๆ ใช้งานสะดวกด้วยระบบสัมผัส ตัวหูฟังดีไซน์สวยงาม มาพร้อมเคสชาร์จขนาดพอดีมือ ให้คุณภาพเสียงที่ใช้ฟังเพลง ดูหนัง หรือคุยโทรศัพท์ได้ดี แบตเตอรี่ใช้งานได้นานพอสมควร เป็นหูฟังไร้สายที่คุ้มค่า ฟังก์ชันครบ เหมาะกับคนที่มองหาหูฟังไร้สายราคาเป็นมิตร ใช้งานได้ดีเยี่ยม
- จุดเด่นสินค้า: เชื่อมต่อ Bluetooth 5.3, ควบคุมด้วยระบบสัมผัส, ใช้งานเสถียร, แบตเตอรี่ใช้งานได้นาน, ราคาคุ้มค่า
- ฟังก์ชันการใช้งาน:
- ฟังเพลง ดูหนัง คุยโทรศัพท์แบบไร้สาย: อิสระในการใช้งาน gadget ต่างๆ โดยไม่มีสายพันกัน.
- ควบคุมง่ายแค่ปลายนิ้ว: แตะที่หูฟังเพื่อเล่น/หยุดเพลง ข้ามเพลง รับสาย/วางสาย หรือเรียกผู้ช่วยอัจฉริยะ.
- เชื่อมต่อรวดเร็ว: จับคู่กับอุปกรณ์ได้อย่างรวดเร็วพร้อมใช้งาน.
- กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: คนที่ชอบหูฟังไร้สายเทคโนโลยีใหม่ๆ, ใช้งานในชีวิตประจำวัน, เดินทาง, ออกกำลังกายเบาๆ
ประเภทหูฟัง | รูปแบบการใช้งาน | Bluetooth Version | ระยะเวลาใช้งาน | ระยะเวลา Standby | ระยะเชื่อมต่อ | มีไมโครโฟน | พอร์ตชาร์จ |
---|
เอียร์บัด (Earbuds) | ไร้สาย (True Wireless) | 5.3 | ประมาณ 4-5 ชั่วโมง (รวมเคส 25 ชม.) | ประมาณ 150 ชั่วโมง | ประมาณ 10 เมตร | มี | Lightning |
9. หูฟังอินเอียร์ Edifier P205
- ชื่อแบรนด์: Edifier
- ชื่อสินค้า: หูฟังอินเอียร์ In-Ear Earphone Build-in Mic Bass P205
- ราคาสินค้า: ประมาณ 300 - 450 บาท
- คำอธิบายสินค้า: Edifier P205 เป็นหูฟังอินเอียร์แบบมีสายที่เน้นคุณภาพเสียง โดยเฉพาะเสียงเบสที่แน่นถึงใจ! เหมาะมากๆ สำหรับคนที่ชอบฟังเพลงแนว EDM, Hip-Hop หรือเพลงที่เน้นจังหวะเบส คุณภาพเสียงโดยรวมคมชัด รายละเอียดดี มีไมโครโฟนในตัวสำหรับใช้คุยโทรศัพท์ หรือจะเอาไปเล่นเกมก็ทำได้ดีพอสมควร ด้วยดีไซน์อินเอียร์ที่ใส่สบาย ช่วยป้องกันเสียงรบกวนภายนอกได้ระดับหนึ่ง เป็นหูฟังมีสายที่เสียงดีคุ้มค่าตัวแน่นอน
- จุดเด่นสินค้า: เสียงเบสแน่น, คุณภาพเสียงคมชัด, ใส่สบายหู, มีไมโครโฟนในตัว, ทนทาน
- ฟังก์ชันการใช้งาน:
- ฟังเพลงเบสหนักๆ: ตอบโจทย์สายเบส ด้วยเสียงเบสที่หนักแน่น ฟังสนุก เร้าใจ.
- ใช้คุยโทรศัพท์: ไมโครโฟนชัดเจน ใช้สนทนาสายสำคัญได้โดยไม่ต้องถอดหูฟัง.
- ใช้เล่นเกม: ได้ยินเสียงเอฟเฟกต์ในเกมชัดเจน เพิ่มอรรถรสในการเล่น.
- กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: คนที่ชอบฟังเพลงแนว EDM/Hip-Hop, เกมเมอร์, ใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวัน, เดินทาง
ประเภทหูฟัง | รูปแบบการใช้งาน | ขนาดไดรเวอร์ | ความถี่ที่ตอบสนอง | ความต้านทาน | การเชื่อมต่อ | ความยาวสาย | มีไมโครโฟน |
---|
อินเอียร์ (In-ear) | มีสาย | 10 มม. | 20 Hz - 20,000 Hz | 16 Ohms | AUX 3.5 มม. | ประมาณ 1.2 เมตร | มี |
10. หูฟังบลูทูธ QPLUS TWS BT12
- ชื่อแบรนด์: QPLUS
- ชื่อสินค้า: หูฟังไร้สาย TWS BT12
- ราคาสินค้า: ประมาณ 290 - 400 บาท
- คำอธิบายสินค้า: QPLUS TWS BT12 เป็นหูฟัง True Wireless อีกตัวที่มาแรงในหมวดราคาประหยัด ด้วยดีไซน์แบบเอียร์บัดที่ใส่สบาย ไม่ยัดเข้าไปในช่องหูมากเกินไป เหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบหูฟังแบบอินเอียร์ คุณภาพเสียงดีใช้ได้เมื่อเทียบกับราคา ใช้ฟังเพลง ดูหนัง หรือคุยโทรศัพท์ก็สะดวกด้วยไมโครโฟนในตัว และใช้งานง่ายด้วยระบบสัมผัส เป็นหูฟังไร้สายราคาเบาๆ ที่ตอบโจทย์การใช้งานทั่วไปได้ครบถ้วน
- จุดเด่นสินค้า: ดีไซน์แบบเอียร์บัดใส่สบาย, ราคาถูก, ใช้งานง่ายด้วยระบบสัมผัส, มีไมโครโฟนในตัว, เหมาะกับการใช้งานทั่วไป
- ฟังก์ชันการใช้งาน:
- ฟังเพลง/ดูหนังแบบไร้สาย: สะดวกสบาย ไม่มีสายพันกันระหว่างใช้งาน.
- คุยโทรศัพท์แบบแฮนด์ฟรี: รับสาย/วางสาย คุยโทรศัพท์ได้โดยไม่ต้องจับมือถือ.
- พกพาสะดวก: ขนาดเล็ก พร้อมเคสชาร์จ พกพาไปใช้งานนอกบ้านได้สบาย.
- กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: คนที่ชอบหูฟังแบบเอียร์บัด, ใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวัน, ฟังเพลง, ดูหนัง, คุยโทรศัพท์
ประเภทหูฟัง | รูปแบบการใช้งาน | Bluetooth Version | ระยะเวลาใช้งาน | ระยะเวลา Standby | พอร์ตชาร์จ | มีไมโครโฟน | ประเภทการควบคุม |
---|
เอียร์บัด (Earbuds) | ไร้สาย (True Wireless) | 5.0 | ประมาณ 3-4 ชั่วโมง | ประมาณ 100 ชั่วโมง | Micro USB | มี | ระบบสัมผัส |
เคล็ดลับเลือกซื้อหูฟังราคาไม่เกิน 500 บาท ให้ได้ของดีโดนใจ
- 1. รู้จักประเภทของหูฟังที่เหมาะกับตัวเอง
ก่อนอื่นเลยต้องถามตัวเองก่อนว่าเราจะเอาหูฟังไปใช้ทำอะไรเป็นหลัก? ฟังเพลงเฉยๆ? เล่นเกม? คุยโทรศัพท์? หรือออกกำลังกาย? เพราะหูฟังราคาไม่เกิน 500 บาทเนี่ย เขาก็มีหลายแบบให้เลือกเหมือนกันนะ ทั้งแบบ อินเอียร์ (In-ear) ที่เป็นแบบมีจุกยางยัดเข้าไปในรูหู ข้อดีคือมันช่วยกันเสียงภายนอกได้ดี ทำให้เราได้ยินเสียงเพลงชัดขึ้น เบสแน่นขึ้น ใส่แล้วแน่นกระชับ เหมาะกับการใส่ออกกำลังกาย หรือใช้ในที่ๆ มีเสียงดังหน่อยๆ แต่บางคนอาจจะไม่ชอบความรู้สึกที่โดนยัดเข้าไปในหู หรือบางทีใส่แล้วอาจจะเจ็บหูได้ถ้าจุกยางไม่พอดีกับขนาดหูของเรา. อีกแบบคือ เอียร์บัด (Earbuds) อันนี้จะเป็นแบบที่วางแปะไว้ตรงบริเวณหน้าช่องหู ไม่ได้ยัดเข้าไปลึกเท่าอินเอียร์ แบบนี้จะใส่สบาย ระบายอากาศดี ไม่รู้สึกอึดอัดเท่าอินเอียร์ แต่ข้อเสียคือมันจะไม่ได้กันเสียงภายนอกได้ดีเท่าอินเอียร์ และเสียงเบสอาจจะไม่ค่อยแน่นเท่าไหร่ เหมาะกับการใช้งานทั่วไป ฟังในบ้าน หรือที่ที่ไม่ได้มีเสียงดังมาก. นอกจากสองแบบนี้ ก็ยังมี หูฟังแบบมีสาย (Wired) ที่เชื่อมต่อผ่านพอร์ต 3.5 มม. หรือ Type-C ข้อดีคือคุณภาพเสียงมักจะเสถียรกว่า ไม่ต้องกังวลเรื่องแบตหมด และราคามักจะถูกกว่าแบบไร้สาย เหมาะกับคนที่เน้นคุณภาพเสียง หรือเอาไปใช้กับอุปกรณ์ที่รองรับพอร์ตแบบมีสาย. ส่วนอีกแบบที่กำลังมาแรงแม้ในงบประหยัดก็คือ หูฟังไร้สาย (Wireless) หรือ True Wireless Stereo (TWS) อันนี้สะดวกสบายสุดๆ ไม่มีสายให้เกะกะ พกพาง่าย แต่ก็ต้องคอยชาร์จแบต และคุณภาพเสียงอาจจะไม่เท่าหูฟังมีสายในราคาเท่ากัน แต่ก็แลกมาด้วยความสะดวกสบายในการใช้งาน เหมาะกับคนที่ชอบความคล่องตัว ไม่ชอบสายพันกัน. การเลือกประเภทหูฟังให้ตรงกับการใช้งานและรูปทรงหูของเรา จะช่วยให้เราได้หูฟังที่ใส่สบาย ใช้งานได้นาน และได้คุณภาพเสียงที่ดีที่สุดในงบที่เราจ่ายไปจ้า.
- 2. ตรวจสอบสเปคพื้นฐานและฟังก์ชันที่จำเป็น
ถึงจะเป็นหูฟังราคาไม่เกิน 500 บาท แต่ใช่ว่าจะไม่มีสเปคให้ดูนะจ๊ะ! สเปคพื้นฐานที่เราควรรู้ไว้ก่อนตัดสินใจซื้อก็มีหลายอย่างเลย เริ่มจาก ขนาดไดรเวอร์ (Driver Size) อันนี้เปรียบเสมือนหัวใจของหูฟัง ยิ่งขนาดใหญ่ ก็ยิ่งมีแนวโน้มที่จะให้เสียงเบสที่หนักแน่น และเสียงโดยรวมที่เต็มอิ่มมากขึ้น โดยทั่วไปหูฟังอินเอียร์จะมีไดรเวอร์ขนาดตั้งแต่ 6 มม. ขึ้นไป ส่วนหูฟังแบบเอียร์บัดอาจจะมีขนาดใหญ่กว่านิดหน่อย. ต่อมาคือ ความต้านทาน (Impedance) หน่วยเป็น Ohms ค่านี้จะบอกว่าหูฟังต้องการกำลังขับมากน้อยแค่ไหน ถ้าค่าโอห์มต่ำ (เช่น 16-32 โอห์ม) หูฟังก็จะขับง่าย ใช้กับมือถือทั่วไปได้สบายๆ แต่ถ้าค่าโอห์มสูง อาจจะต้องใช้กับเครื่องเล่นเพลง หรือแอมป์หูฟังโดยเฉพาะถึงจะขับเสียงได้เต็มที่ ซึ่งส่วนใหญ่หูฟังในงบไม่เกิน 500 บาท จะมีค่าโอห์มต่ำอยู่แล้ว ไม่ต้องกังวลเรื่องนี้เท่าไหร่. อีกอย่างคือ ความถี่ที่ตอบสนอง (Frequency Response) หน่วยเป็น Hz ค่านี้จะบอกช่วงความถี่เสียงที่หูฟังสามารถสร้างขึ้นมาได้ โดยทั่วไปหูฟังที่ดีจะตอบสนองความถี่ได้กว้าง ตั้งแต่เสียงเบสต่ำๆ ไปจนถึงเสียงแหลมสูงๆ ช่วงมาตรฐานที่หูคนเราได้ยินจะอยู่ที่ 20 Hz - 20,000 Hz หูฟังที่ตอบสนองความถี่ได้กว้างกว่านี้อาจจะให้รายละเอียดเสียงที่ดีขึ้น แต่ในงบนี้ก็อาจจะไม่ได้แตกต่างกันมากนัก. นอกจากสเปคด้านเสียงแล้ว ถ้าเป็นหูฟังไร้สาย ควรดูเรื่อง Bluetooth Version ด้วยนะจ๊ะ เวอร์ชันใหม่ๆ (เช่น 5.0, 5.1, 5.3) จะช่วยให้การเชื่อมต่อเสถียรขึ้น ใช้พลังงานน้อยลง และส่งข้อมูลได้เร็วขึ้น ทำให้เสียงไม่ดีเลย์ เหมาะกับการดูหนัง เล่นเกม. ส่วนฟังก์ชันอื่นๆ ที่มีในหูฟังงบนี้ก็เช่น มีไมโครโฟนสำหรับคุยโทรศัพท์, มีปุ่มควบคุมเพลง/เสียง, กันน้ำกันเหงื่อ (เหมาะกับใส่ออกกำลังกาย), หรือบางรุ่นอาจจะมีฟังก์ชันตัดเสียงรบกวนพื้นฐานมาให้ด้วยเล็กน้อย. การดูสเปคและฟังก์ชันที่ตรงกับความต้องการของเรา จะช่วยให้เราได้หูฟังที่คุ้มค่าและใช้งานได้จริงที่สุดจ้า.
- 3. อ่านรีวิวและเปรียบเทียบจากแหล่งข้อมูลต่างๆ
ยุคนี้ข้อมูลเพียบ! ก่อนจะตัดสินใจซื้อหูฟังราคาไม่เกิน 500 บาทตัวไหน อย่าเพิ่งกดสั่งนะจ๊ะ! ให้ลองสละเวลาอ่านรีวิวจากผู้ใช้งานจริงดูก่อน ทั้งในแอปช้อปปิ้งออนไลน์อย่าง Shopee, Lazada หรือในเว็บไซต์รีวิวต่างๆ รวมถึงตามเว็บบอร์ด หรือกลุ่มรีวิว gadget ใน Facebook. การอ่านรีวิวจะช่วยให้เราเห็นภาพรวมของสินค้าตัวนั้นๆ ว่ามีข้อดีข้อเสียยังไง เสียงเป็นแบบไหน แบตอึดจริงไหม ใช้งานมีปัญหาอะไรหรือเปล่า บางทีสเปคบนกระดาษอาจจะดูดี แต่การใช้งานจริงอาจจะมีข้อจำกัดที่เราไม่รู้ก็ได้. นอกจากอ่านรีวิวแล้ว ก็ควรเปรียบเทียบข้อมูลจากหลายๆ แหล่งด้วยนะจ๊ะ บางทีรีวิวจากคนหนึ่งอาจจะบอกว่าดี แต่ของอีกคนอาจจะมีปัญหา เพราะฉะนั้นยิ่งดูหลายๆ แหล่ง ก็ยิ่งได้ข้อมูลที่รอบด้านมากขึ้น. ลองดูคลิปรีวิวใน YouTube ก็เป็นอีกทางเลือกที่ดี เพราะเราจะได้เห็นหน้าตาหูฟังจริงๆ การใช้งานจริง และบางคลิปอาจจะมีการทดสอบเสียงให้ฟังด้วย (แม้คุณภาพเสียงที่ได้ยินในคลิปอาจจะไม่ตรงกับของจริง 100% ก็ตาม). นอกจากรีวิว ก็ลองเช็คอันดับสินค้าขายดีในแอปช้อปปิ้ง หรือเว็บไซต์รีวิวต่างๆ ดูก็ได้ อันดับเหล่านี้มักจะสะท้อนถึงความนิยมและคุณภาพในระดับหนึ่ง. การทำการบ้าน เปรียบเทียบข้อมูลก่อนซื้อ จะช่วยลดความเสี่ยงที่จะได้สินค้าไม่ตรงปก หรือมีปัญหาในการใช้งานได้เยอะเลยจ้าาา.
- 4. พิจารณาเรื่องความทนทานและการรับประกัน
หูฟังราคาไม่ถึงห้าร้อยบาทเนี่ย เราก็ไม่ได้คาดหวังความทนทานระดับเทพเหมือนหูฟังราคาหลักพันหลักหมื่นหรอกเนอะ แต่การเลือกที่มันดูแข็งแรงทนทานหน่อย ก็จะช่วยยืดอายุการใช้งานให้เราได้คุ้มค่าเงินมากขึ้นนะจ๊ะ ลองดูจากวัสดุที่ใช้ทำหูฟังและสาย ถ้าเป็นแบบมีสาย ลองดูตรงข้อต่อระหว่างสายกับตัวหูฟัง ว่าดูแข็งแรงหรือเปล่า เพราะตรงนี้มักจะเป็นจุดที่ขาดง่ายที่สุด. ถ้าเป็นหูฟังไร้สาย ลองดูคุณภาพของพลาสติกที่ใช้ทำตัวหูฟังและเคสชาร์จ ว่าดูบอบบางเกินไปไหม. นอกจากนี้ เรื่องของ การรับประกันสินค้า ก็สำคัญไม่แพ้กันนะจ๊ะ ถึงแม้จะเป็นหูฟังราคาถูก แต่บางร้าน บางแบรนด์ ก็มีการรับประกันให้ด้วยนะ อาจจะ 3 เดือน 6 เดือน หรือ 1 ปี. การมีรับประกันจะช่วยให้เราอุ่นใจได้มากขึ้น เผื่อสินค้ามีปัญหาจากการผลิต หรือใช้งานไปแล้วเสีย ก็ยังพอเคลมหรือเปลี่ยนได้. ลองสอบถามกับร้านค้าหรือผู้ขายให้ชัดเจนก่อนซื้อ ว่ามีการรับประกันไหม รับประกันนานแค่ไหน และมีเงื่อนไขอะไรบ้าง. การเลือกหูฟังที่ดูแข็งแรงพอสมควร และมีการรับประกัน ก็เป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เพื่อให้เราได้ใช้หูฟังไปนานๆ ไม่ต้องเสียเงินซื้อใหม่บ่อยๆ จ้า.
คำถามพบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับหูฟังราคาไม่เกิน 500 บาท
- Q: หูฟังราคาไม่เกิน 500 บาท คุณภาพเสียงดีจริงไหม?
A: ตอบตรงๆ เลยว่า คุณภาพเสียงอาจจะไม่ได้เทพเท่าหูฟังราคาสูงๆ แต่ก็มีหลายรุ่นในงบนี้ที่ให้คุณภาพเสียงดีเกินราคาคาดหมายมากๆ ค่ะ โดยเฉพาะถ้าเลือกดีๆ หรือเน้นแบรนด์ที่เชี่ยวชาญด้านเสียงในระดับเริ่มต้น คุณก็จะได้เสียงที่คมชัด รายละเอียดดี ฟังเพลงได้สนุกกว่าหูฟังที่แถมมากับมือถือแน่นอนค่ะ.
- Q: หูฟังไร้สายราคาไม่เกิน 500 บาท ใช้งานได้นานแค่ไหน?
A: ระยะเวลาการใช้งานจะแตกต่างกันไปในแต่ละรุ่นค่ะ ส่วนใหญ่แล้วจะใช้งานต่อเนื่องได้ประมาณ 3-5 ชั่วโมงต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง. แต่ถ้ามีเคสชาร์จด้วย ก็จะสามารถชาร์จเพิ่มได้อีกหลายรอบ ทำให้ใช้งานรวมๆ ได้ตลอดวันค่ะ.
- Q: ซื้อหูฟังราคาไม่เกิน 500 บาท ได้จากที่ไหนบ้าง?
A: หาซื้อได้ง่ายมากๆ ค่ะ ทั้งในแอปช้อปปิ้งออนไลน์ยอดนิยมอย่าง Shopee, Lazada ซึ่งมีร้านค้าและตัวเลือกเยอะมากๆ. นอกจากนี้ ตามร้านขายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั่วไป หรือร้านค้า gadget ตามห้างสรรพสินค้า หรือร้านสะดวกซื้อบางแห่งก็อาจจะมีหูฟังในงบนี้ให้เลือกเหมือนกันค่ะ.
- Q: หูฟังราคาไม่เกิน 500 บาท เหมาะกับการเล่นเกมไหม?
A: ถ้าเป็นเกมที่ไม่ต้องการความแม่นยำของเสียงสูงมาก หรือไม่ได้เล่นเกมที่เน้นการแข่งขัน หูฟังในงบนี้ก็พอใช้ได้ค่ะ โดยเฉพาะรุ่นที่ระบุว่าเน้นเสียงทิศทาง หรือมี Game Mode. แต่ถ้าเป็นเกมที่ต้องการความละเอียดของเสียงมากๆ หรือต้องการเสียงที่ไม่ดีเลย์เลย อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มงบ หรือเลือกหูฟังแบบมีสายจะดีกว่าค่ะ.
- Q: หูฟังราคาไม่เกิน 500 บาท มีรุ่นที่กันน้ำกันเหงื่อไหม?
A: มีค่ะ! บางรุ่นในงบนี้ก็มีคุณสมบัติกันน้ำกันเหงื่อในระดับเริ่มต้น (เช่น IPX4, IPX5). ซึ่งเพียงพอสำหรับการใส่ออกกำลังกายเบาๆ หรือป้องกันละอองน้ำ ละอองฝนได้. แต่ถ้าต้องโดนน้ำเยอะๆ หรือใช้งานหนักๆ อาจจะต้องดูรุ่นที่ระดับการกันน้ำสูงกว่านี้ค่ะ.