สวัสดีคร้าบบบ! กลับมาเจอกันอีกแล้วนะครับกับผม กูรูโอปป้าขาช้อปตัวจริงเสียงจริง! วันนี้เราจะมาเม้าท์มอยกันถึงแกดเจ็ตคู่ใจสายเพลง สายปาร์ตี้ สายเที่ยว ที่ขาดไม่ได้เลยนั่นก็คือ “ลำโพงไร้สาย” นั่นเองครับ! ยุคนี้อะไรๆ ก็ไร้สายไปหมดเนอะ ชีวิตมันต้องสะดวกสบาย พกพาง่าย ไปไหนก็มีเสียงเพลงเพราะๆ ติดตัวไปด้วย ฟีลมันได้! ไม่ว่าจะไปปาร์ตี้ริมทะเลช่วงสงกรานต์ ขึ้นเขาหน้าหนาว หรือจะนั่งชิลล์ๆ จิบกาแฟตอนเช้าๆ ที่บ้าน ลำโพงไร้สายดีๆ สักตัวนี่แหละคือคำตอบ! ปี 2025 นี้มีรุ่นเด็ด แบรนด์ดัง ออกมาเพียบจนเลือกไม่ถูกเลยใช่ไหมล่ะครับ ไม่ต้องกังวลไป วันนี้ผมคัดมาให้แล้วเน้นๆ 10 ตัวท็อป ที่บอกเลยว่าคุณภาพคับแก้ว เสียงแจ่ม เบสแน่น พกพาสะดวก แถมดีไซน์ยังกินขาดอีกด้วย พร้อมแล้วไปดูกันเลย!
1. JBL Flip 6
- ชื่อแบรนด์: JBL
- ชื่อสินค้า: Flip 6
- ราคาสินค้า: ประมาณ 4,xxx - 5,xxx บาท
- คำอธิบายสินค้า: JBL Flip 6 ลำโพงไร้สายยอดฮิตตลอดกาลที่อัปเกรดความสามารถมาในปี 2025 ตัวนี้บอกเลยว่าเล็กพริกขี้หนูจริงๆ ครับ ด้วยขนาดที่ไม่ใหญ่มาก พกพาง่าย มีสายคล้องมือมาให้ด้วย แถมยังทนทานสุดๆ กันน้ำกันฝุ่นระดับ IP67 จะเอาไปลุยสงกรานต์ สาดน้ำ หรือจะเอาไปริมสระ ริมทะเลสบายมากหายห่วง เรื่องเสียงนี่ไม่ต้องพูดถึง สไตล์ JBL คือเบสแน่นถึงใจ เสียงร้องชัด รายละเอียดดี ฟังสนุกได้ทุกแนวเพลง แถมแบตเตอรี่ยังอึด ใช้ได้ยาวๆ ทั้งวัน เหมาะกับคนที่ไม่ชอบอะไรยุ่งยาก อยากได้ลำโพงดีๆ พกพาง่าย ลุยได้ทุกสถานการณ์ครับ.
- จุดเด่นสินค้า: กันน้ำกันฝุ่น IP67, เสียงเบสแน่นตามสไตล์ JBL, ขนาดกะทัดรัดพกพาง่าย, แบตเตอรี่อึดใช้งานได้นาน, มีแอปพลิเคชันปรับแต่งเสียงได้.
- ฟังก์ชันการใช้งาน:
- PartyBoost: ฟังก์ชันเด็ดที่ให้คุณเชื่อมต่อลำโพง JBL หลายๆ ตัวเข้าด้วยกัน เพื่อสร้างระบบเสียงสเตอริโอหรือกระจายเสียงให้ดังกระหึ่มทั่วบริเวณ เหมาะกับงานปาร์ตี้หรือสังสรรค์ขนาดใหญ่ๆ ที่ต้องการเสียงเพลงแบบจัดเต็มไม่มีสะดุด.
- JBL Portable App: ควบคุมการทำงานของลำโพงผ่านสมาร์ทโฟนได้ง่ายๆ ปรับอีควอไลเซอร์ (EQ) ได้ตามใจชอบ เช็คสถานะแบตเตอรี่ หรืออัปเดตเฟิร์มแวร์ เพื่อให้ลำโพงทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพอยู่เสมอ ใช้งานสะดวกสุดๆ ครับ.
- Bluetooth 5.1: เชื่อมต่อไร้สายผ่านบลูทูธเวอร์ชันล่าสุด สัญญาณนิ่ง เสถียร ไม่ค่อยมีปัญหาดีเลย์ เวลาดูหนังหรือฟังเพลงผ่านแอปสตรีมมิ่งต่างๆ มั่นใจได้ว่าเสียงจะตรงกับภาพ ไม่หงุดหงิดแน่นอน.
- กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: นักท่องเที่ยว, สายปาร์ตี้, คนชอบทำกิจกรรมกลางแจ้ง, ใช้ริมสระ/ริมทะเล, ใช้ในห้องน้ำ.
การเชื่อมต่อ | การกันน้ำ/ฝุ่น | ระยะเวลาแบตเตอรี่ | กำลังขับ | ขนาด (กxยxส) | น้ำหนัก | Bluetooth Version |
---|
Bluetooth 5.1 | IP67 | สูงสุด 12 ชั่วโมง | 30 วัตต์ RMS | 17.8 x 6.9 x 7.2 ซม. | 0.55 กก. | 5.1 |
2. Marshall Willen II
- ชื่อแบรนด์: Marshall
- ชื่อสินค้า: Willen II Portable Speaker
- ราคาสินค้า: ประมาณ 4,xxx - 5,xxx บาท
- คำอธิบายสินค้า: สาวก Marshall ต้องกรี๊ด! Willen II ตัวนี้มาพร้อมดีไซน์สุดคลาสสิกอันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ มองปุ๊บรู้ปั๊บว่า Marshall! ขนาดเล็กจิ๋วแต่เสียงแจ๋วเกินตัวจริงๆ ครับ เบสแน่นกลางชัดตามสไตล์ Marshall Rock & Roll มีสายคล้องยางยืดด้านหลังสารพัดประโยชน์ จะห้อยกับกระเป๋า คล้องกับจักรยาน หรือจะตั้งก็ได้หมด กันน้ำกันฝุ่น IP67 สบายใจได้ทุกทริป แบตเตอรี่นี่อึดเกินคาด ใช้งานได้นานกว่า 17 ชั่วโมง ฟังเพลงได้ทั้งวันทั้งคืนไม่มีหมด เหมาะกับคนที่ชอบลำโพงดีไซน์เก๋ๆ เสียงมีเอกลักษณ์ พกไปได้ทุกที่แบบไม่ง้อใคร.
- จุดเด่นสินค้า: ดีไซน์ Marshall คลาสสิก, เสียงทรงพลังเกินขนาด, กันน้ำกันฝุ่น IP67, แบตเตอรี่ใช้งานได้นาน, มีสายคล้องสารพัดประโยชน์.
- ฟังก์ชันการใช้งาน:
- Stack Mode: เป็นฟังก์ชันที่คล้ายกับ PartyBoost ของ JBL คือให้คุณสามารถเชื่อมต่อลำโพง Willen II หลายๆ ตัวเข้าด้วยกัน เพื่อเพิ่มพลังเสียงให้ดังสะใจมากขึ้น เหมาะกับงานปาร์ตี้เล็กๆ หรือสังสรรค์ในพื้นที่ที่ไม่ใหญ่มาก แต่อยากได้เสียงที่ครอบคลุม.
- Marshall Bluetooth App: ควบคุมการตั้งค่าต่างๆ ของลำโพงผ่านแอปฯ ได้ ทั้งการปรับ EQ เพื่อให้ได้โทนเสียงที่ชอบ หรือจะอัปเดตเฟิร์มแวร์ก็ได้ สะดวกสบายตามสไตล์คนยุคใหม่.
- Built-in Microphone: มีไมโครโฟนในตัว ทำให้สามารถใช้รับสายโทรศัพท์และพูดคุยผ่านลำโพงได้เลย สะดวกมากๆ เวลาฟังเพลงอยู่แล้วมีสายเข้า ไม่ต้องหยิบมือถือขึ้นมาแนบหูให้วุ่นวาย.
- กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: สายแฟชั่น, คนชอบแบรนด์ Marshall, นักเดินทาง, ใช้ในชีวิตประจำวัน, งานสังสรรค์เล็กๆ.
การเชื่อมต่อ | การกันน้ำ/ฝุ่น | ระยะเวลาแบตเตอรี่ | กำลังขับ | ขนาด (กxยxส) | น้ำหนัก | Bluetooth Version |
---|
Bluetooth 5.1 + LE Audio (รองรับในอนาคต) | IP67 | สูงสุด 17 ชั่วโมง | 10 วัตต์ | 10.16 x 10.05 x 4.04 ซม. | 0.31 กก. | 5.1 |
3. Bose SoundLink Flex (2nd Gen)
- ชื่อแบรนด์: Bose
- ชื่อสินค้า: SoundLink Flex (2nd Gen)
- ราคาสินค้า: ประมาณ 5,xxx - 6,xxx บาท
- คำอธิบายสินค้า: ถ้าพูดถึงคุณภาพเสียงระดับพรีเมียม ต้องมีชื่อ Bose ติดโผแน่นอนครับ SoundLink Flex รุ่นที่ 2 นี้ยังคงเอกลักษณ์เสียงที่ใสเคลียร์ รายละเอียดชัด เบสละมุนตามสไตล์ Bose แต่ที่เด็ดกว่าเดิมคือความทนทาน! ตัวเครื่องซิลิโคนทนทานต่อการตกกระแทก แถมยังกันน้ำกันฝุ่น IP67 และที่ว้าวสุดคือมันลอยน้ำได้ด้วย! เอาไปริมน้ำนี่สบายใจเฉิบ ไม่ต้องกลัวจมหาย ดีไซน์เรียบหรูดูแพง ขนาดกำลังดี พกพาสะดวก เหมาะกับคนที่เน้นคุณภาพเสียงเป็นหลัก แต่อยากได้ความทนทานไปพร้อมๆ กัน จะฟังเพลงชิลล์ๆ หรือดูหนังก็ได้อรรถรสเต็มที่.
- จุดเด่นสินค้า: คุณภาพเสียงพรีเมียม สไตล์ Bose, ทนทานต่อการตกกระแทก, กันน้ำกันฝุ่น IP67 และลอยน้ำได้, ดีไซน์เรียบหรู, มีเทคโนโลยี PositionIQ.
- ฟังก์ชันการใช้งาน:
- PositionIQ Technology: เทคโนโลยีสุดฉลาดที่ลำโพงจะปรับเสียงให้เหมาะสมกับตำแหน่งการวางอัตโนมัติ ไม่ว่าจะวางแนวตั้ง แนวนอน หรือห้อยอยู่ เสียงที่ออกมาก็ยังคงเต็มอิ่ม มีมิติ ไม่ผิดเพี้ยน ทำให้ได้คุณภาพเสียงที่ดีที่สุดในทุกสถานการณ์.
- Bose Connect App: จัดการลำโพง Bose หลายๆ ตัวได้ง่ายๆ ผ่านแอปพลิเคชันนี้ สามารถจับคู่ลำโพงสองตัวเพื่อฟังแบบสเตอริโอ หรือจะเข้าโหมด Party เพื่อให้ลำโพงหลายๆ ตัวเล่นเพลงเดียวกันก็ได้ ควบคุมทุกอย่างได้จากปลายนิ้ว.
- Built-in Microphone: มีไมโครโฟนคุณภาพดีในตัว ใช้รับสายโทรศัพท์และสนทนาแบบแฮนด์ฟรีได้ เสียงพูดชัดเจน ได้ยินอีกฝ่ายได้ชัดเจนเช่นกัน ไม่ต้องคอยหยิบมือถือมาคุยให้เสียจังหวะ.
- กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: คนรักคุณภาพเสียง, คนที่ชอบกิจกรรมทางน้ำ, ใช้ในบ้าน/นอกบ้าน, เดินทาง, ปาร์ตี้เล็กๆ.
การเชื่อมต่อ | การกันน้ำ/ฝุ่น | ระยะเวลาแบตเตอรี่ | กำลังขับ | ขนาด (กxยxส) | น้ำหนัก | Bluetooth Version |
---|
Bluetooth | IP67 & ลอยน้ำได้ | สูงสุด 12 ชั่วโมง | (ไม่ได้ระบุเจาะจงวัตต์) | 20.1 x 9 x 5.2 ซม. | 0.6 กก. | (ไม่ได้ระบุเจาะจงเวอร์ชัน) |
4. Sony SRS-XB100
- ชื่อแบรนด์: Sony
- ชื่อสินค้า: SRS-XB100
- ราคาสินค้า: ประมาณ 1,xxx - 2,xxx บาท
- คำอธิบายสินค้า: Sony SRS-XB100 ลำโพงจิ๋วแต่แจ๋ว พกพาง่ายสุดๆ ด้วยขนาดที่เล็กเท่าฝ่ามือ มาพร้อมสายคล้องที่ยืดหยุ่น จะห้อยกับกระเป๋า หูกางเกง หรือจักรยานก็ได้หมด เสียงเบสแน่นตามสไตล์ Sony EXTRA BASS ถึงตัวจะเล็กแต่เสียงไม่เล็กตามนะครับ คุณภาพเสียงเกินราคามากๆ กันน้ำกันฝุ่น IP67 ลุยได้ทุกที่ แบตเตอรี่ใช้งานได้นานถึง 16 ชั่วโมง ฟังเพลงได้ยาวๆ ไม่มีสะดุด เหมาะกับคนที่มองหาลำโพงบลูทูธราคาเป็นมิตร คุณภาพเสียงดี พกพาสะดวกสุดๆ สำหรับใช้ในชีวิตประจำวัน หรือพกไปเที่ยวแบบไม่เปลืองพื้นที่.
- จุดเด่นสินค้า: ขนาดเล็กพกพาง่ายมาก, เสียงเบสแน่น EXTRA BASS, กันน้ำกันฝุ่น IP67, แบตเตอรี่อึด, ราคาคุ้มค่า.
- ฟังก์ชันการใช้งาน:
- EXTRA BASS: เป็นฟังก์ชันเด่นของ Sony ที่ช่วยเพิ่มพลังเสียงเบสให้หนักแน่นยิ่งขึ้น เหมาะสำหรับคนที่ชอบฟังเพลงแนวแดนซ์ ฮิปฮอป หรือเพลงที่เน้นจังหวะมันส์ๆ ช่วยเพิ่มความสนุกในการฟังเพลงได้เป็นอย่างดี เสียงกระหึ่มเกินตัวแน่นอน.
- Stereo Pair: สามารถจับคู่ลำโพง SRS-XB100 สองตัวเข้าด้วยกัน เพื่อสร้างระบบเสียงสเตอริโอที่แยกมิติซ้ายขวา ให้เสียงที่กว้างขึ้น มีมิติมากขึ้น ฟังเพลงได้อรรถรสเหมือนมีลำโพงสองตัววางคู่กัน เหมาะกับการใช้งานในห้องหรือพื้นที่ที่ต้องการคุณภาพเสียงที่ดีขึ้น.
- Built-in Microphone: มีไมโครโฟนในตัว ทำให้สามารถใช้เป็น Hands-free สำหรับรับสายโทรศัพท์ได้ สะดวกสบายมากๆ เวลาทำกิจกรรมอื่นๆ อยู่ แล้วมีสายเข้า ก็สามารถพูดคุยผ่านลำโพงได้เลย.
- กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: นักเรียน/นักศึกษา, คนทำงาน, นักเดินทาง, ใช้ในชีวิตประจำวัน, กิจกรรมกลางแจ้งเบาๆ.
การเชื่อมต่อ | การกันน้ำ/ฝุ่น | ระยะเวลาแบตเตอรี่ | กำลังขับ | ขนาด (กxยxส) | น้ำหนัก | Bluetooth Version |
---|
Bluetooth | IP67 | สูงสุด 16 ชั่วโมง | (ไม่ได้ระบุเจาะจงวัตต์) | 7.6 x 7.6 x 9.5 ซม. | 0.253 กก. | (ไม่ได้ระบุเจาะจงเวอร์ชัน) |
5. Harman Kardon Onyx Studio 8
- ชื่อแบรนด์: Harman Kardon
- ชื่อสินค้า: Onyx Studio 8
- ราคาสินค้า: ประมาณ 8,xxx - 1x,xxx บาท
- คำอธิบายสินค้า: ถ้าเน้นดีไซน์สวยหรู เสียงดีเลิศยกให้ Harman Kardon Onyx Studio 8 ตัวนี้เลยครับ! ดีไซน์โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ด้วยรูปทรงกลม พร้อมหูจับอะลูมิเนียมที่แข็งแรง สามารถใช้เป็นขาตั้งหรือที่หิ้วก็ได้ คุณภาพเสียงสไตล์ Harman Kardon คือใสเคลียร์ รายละเอียดคมชัด เบสมาเป็นลูกๆ ฟังเพลงได้ฟินสุดๆ รองรับ Bluetooth 5.2 เชื่อมต่อได้เสถียร แถมยังจับคู่สองตัวเป็น Stereo ได้ด้วย แบตเตอรี่ใช้งานได้สูงสุด 8 ชั่วโมง เหมาะกับการใช้งานในบ้าน คอนโด หรือออฟฟิศ ที่เน้นดีไซน์สวยหรูและคุณภาพเสียงระดับพรีเมียม.
- จุดเด่นสินค้า: ดีไซน์สวยหรูเป็นเอกลักษณ์, คุณภาพเสียงระดับพรีเมียม, เบสแน่น รายละเอียดชัด, รองรับ Stereo Wireless Sound, มีหูจับอะลูมิเนียมเป็นขาตั้งได้.
- ฟังก์ชันการใช้งาน:
- Stereo Wireless Sound: สามารถเชื่อมต่อลำโพง Onyx Studio 8 สองตัวเข้าด้วยกันแบบไร้สาย เพื่อสร้างระบบเสียงสเตอริโอที่ให้มิติเสียงที่กว้างและสมจริงมากยิ่งขึ้น เหมาะกับการดูหนัง ฟังเพลง หรือเล่นเกม ที่ต้องการเสียงที่โอบล้อมและมีรายละเอียดครบถ้วน.
- Built-in Microphone: มีไมโครโฟนในตัว พร้อมระบบตัดเสียงรบกวน ทำให้สามารถใช้รับสายโทรศัพท์และประชุมออนไลน์ผ่านลำโพงได้อย่างสะดวกสบาย เสียงพูดชัดเจน คมชัดทั้งสองฝ่าย ช่วยให้การสื่อสารราบรื่น.
- Bluetooth 5.2: เชื่อมต่อไร้สายด้วย Bluetooth เวอร์ชั่นล่าสุด ให้การเชื่อมต่อที่รวดเร็ว เสถียร และประหยัดพลังงานมากขึ้น รองรับการส่งข้อมูลเสียงคุณภาพสูง ทำให้ได้ประสบการณ์การฟังเพลงที่ดีเยี่ยม.
- กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: คนรักดีไซน์, ใช้ในบ้าน/คอนโด/ออฟฟิศ, ฟังเพลงเป็นหลัก, ดูหนัง, ประชุมออนไลน์.
การเชื่อมต่อ | การกันน้ำ/ฝุ่น | ระยะเวลาแบตเตอรี่ | กำลังขับ | ขนาด (กxยxส) | น้ำหนัก | Bluetooth Version |
---|
Bluetooth 5.2 | ไม่มีข้อมูลระบุ | สูงสุด 8 ชั่วโมง | 50 วัตต์ RMS | 31.2 x 27.5 x 25.9 ซม. | 3.5 กก. | 5.2 |
6. B&O Beosound A1 2nd Gen
- ชื่อแบรนด์: Bang & Olufsen (B&O)
- ชื่อสินค้า: Beosound A1 2nd Gen Wireless Speaker
- ราคาสินค้า: ประมาณ 9,xxx - 1x,xxx บาท
- คำอธิบายสินค้า: สำหรับคนรักแบรนด์ Hi-End ที่เน้นดีไซน์หรูหราและคุณภาพเสียงระดับเทพ B&O Beosound A1 2nd Gen คือคำตอบครับ! ดีไซน์มินิมอล เรียบหรู วัสดุพรีเมียมสมราคา ตัวเครื่องอะลูมิเนียมแข็งแรง พร้อมสายคล้องหนังแท้ คุณภาพเสียงนี่ไม่ต้องอวยเยอะ B&O ไม่เคยทำให้ผิดหวังครับ เสียงโปร่ง รายละเอียดชัด เบสลงลึกกำลังดี ให้เสียงแบบ 360 องศา ฟังมุมไหนก็เสียงดีเท่ากัน กันน้ำกันฝุ่น IP67 ทนทาน แบตเตอรี่อึดใช้งานได้สูงสุด 18 ชั่วโมง รองรับผู้ช่วยเสียง Alexa ในตัว เหมาะกับคนที่มองหาลำโพงไร้สายที่สวยงาม คุณภาพเสียงยอดเยี่ยม และพกพาไปได้ทุกที่แบบมีสไตล์.
- จุดเด่นสินค้า: ดีไซน์หรูหรา วัสดุพรีเมียม, คุณภาพเสียง Hi-End, ให้เสียงแบบ 360 องศา, กันน้ำกันฝุ่น IP67, แบตเตอรี่ใช้งานได้นานมาก.
- ฟังก์ชันการใช้งาน:
- True360 Omnidirectional Sound: ด้วยการออกแบบลำโพงที่กระจายเสียงได้รอบทิศทาง ทำให้ได้ยินเสียงคุณภาพเท่ากันไม่ว่าจะยืนอยู่มุมไหนของลำโพง เหมาะกับการวางไว้กลางห้อง หรือใช้งานในพื้นที่เปิด ที่ต้องการให้ทุกคนได้ยินเสียงเพลงที่ชัดเจนทั่วถึง.
- Integrated Alexa Voice Assistant: มีผู้ช่วยเสียง Alexa ในตัว สามารถสั่งการด้วยเสียงให้เล่นเพลง ควบคุมอุปกรณ์สมาร์ทโฮม หรือสอบถามข้อมูลต่างๆ ได้อย่างสะดวกสบาย ทำให้ลำโพงเป็นมากกว่าแค่แหล่งกำเนิดเสียง แต่เป็นส่วนหนึ่งของ Smart Home.
- B&O App: ปรับแต่งเสียงและควบคุมฟังก์ชันต่างๆ ของลำโพงผ่านแอปพลิเคชัน B&O ได้อย่างละเอียด ตั้งค่า EQ สร้างโปรไฟล์เสียงส่วนตัว หรือจะจับคู่กับลำโพง B&O ตัวอื่นเพื่อประสบการณ์เสียงที่สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นก็ได้.
- กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: คนรักแบรนด์พรีเมียม, ชอบดีไซน์หรู, ใช้ในบ้าน/คอนโด, ปาร์ตี้เล็กๆ, เดินทาง.
การเชื่อมต่อ | การกันน้ำ/ฝุ่น | ระยะเวลาแบตเตอรี่ | กำลังขับ | ขนาด (กxยxส) | น้ำหนัก | Bluetooth Version |
---|
Bluetooth 5.1 | IP67 | สูงสุด 18 ชั่วโมง | 60 วัตต์ (Peak Power) | 13.3 x 13.3 x 4.6 ซม. | 0.558 กก. | 5.1 |
7. JBL Charge 5
- ชื่อแบรนด์: JBL
- ชื่อสินค้า: Charge 5
- ราคาสินค้า: ประมาณ 5,xxx - 6,xxx บาท
- คำอธิบายสินค้า: JBL Charge 5 นี่คือพี่ใหญ่ของ Flip 6 ที่มาพร้อมแบตเตอรี่ที่อึดกว่า และสามารถเป็น Power Bank ชาร์จไฟให้อุปกรณ์อื่นได้ด้วย! เสียงยังคงเอกลักษณ์เบสแน่นของ JBL แต่ได้ความทรงพลังมากขึ้นเพราะตัวใหญ่กว่า กันน้ำกันฝุ่น IP67 สบายใจได้ทุกทริป แบตเตอรี่นี่ตัวจริง! ใช้งานได้นานสูงสุด 20 ชั่วโมง ฟังเพลงข้ามวันข้ามคืนยังได้ แถมยังเอามาชาร์จแบตมือถือ แท็บเล็ต หรืออุปกรณ์อื่นๆ ได้ด้วย เหมาะกับคนที่ต้องเดินทางบ่อยๆ ชอบทำกิจกรรม Outdoor หรือจัดปาร์ตี้ที่ไม่มีปลั๊กไฟ เพราะตัวนี้เอาอยู่หมดทั้งเรื่องเสียงและเรื่องแบต.
- จุดเด่นสินค้า: แบตเตอรี่อึดมาก เป็น Power Bank ได้, เสียงเบสหนักแน่น ทรงพลัง, กันน้ำกันฝุ่น IP67, รองรับ PartyBoost, ใช้งานได้หลากหลายสถานการณ์.
- ฟังก์ชันการใช้งาน:
- Built-in Power Bank: ฟังก์ชันเด่นที่ทำให้ Charge 5 แตกต่างจากลำโพงรุ่นอื่นๆ คือสามารถใช้พอร์ต USB-A ด้านหลังเป็น Power Bank ชาร์จไฟให้กับสมาร์ทโฟนหรืออุปกรณ์อื่นๆ ได้ สะดวกมากๆ เวลาไปเที่ยวนอกสถานที่แล้วแบตมือถือใกล้หมด.
- PartyBoost: เหมือนกับ Flip 6 สามารถเชื่อมต่อ Charge 5 หรือลำโพง JBL ที่รองรับ PartyBoost หลายๆ ตัวเข้าด้วยกัน เพื่อเพิ่มพลังเสียงให้ดังสนั่นหวั่นไหว เหมาะกับงานปาร์ตี้ขนาดใหญ่ หรือพื้นที่ที่ต้องการเสียงเพลงครอบคลุมทั่วถึง.
- JBL Portable App: ควบคุมการตั้งค่าต่างๆ ของลำโพงผ่านแอปพลิเคชันได้ ทั้งการปรับ EQ หรืออัปเดตเฟิร์มแวร์ เพื่อให้ลำโพงทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพอยู่เสมอ ใช้งานง่ายและสะดวก.
- กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: นักเดินทาง, คนชอบกิจกรรม Outdoor, จัดปาร์ตี้, ตั้งแคมป์, ชาร์จอุปกรณ์พกพา.
การเชื่อมต่อ | การกันน้ำ/ฝุ่น | ระยะเวลาแบตเตอรี่ | กำลังขับ | ขนาด (กxยxส) | น้ำหนัก | Bluetooth Version |
---|
Bluetooth 5.1 | IP67 | สูงสุด 20 ชั่วโมง | 30 วัตต์ RMS (Woofer) + 10 วัตต์ RMS (Tweeter) | 22.3 x 9.4 x 9.65 ซม. | 0.96 กก. | 5.1 |
8. Marshall Kilburn III
- ชื่อแบรนด์: Marshall
- ชื่อสินค้า: Kilburn III Portable Bluetooth Speaker
- ราคาสินค้า: ประมาณ 13,xxx - 15,xxx บาท
- คำอธิบายสินค้า: ขยับมาที่รุ่นใหญ่ขึ้นมาหน่อยกับ Marshall Kilburn III ตัวนี้ยังคงดีไซน์คลาสสิกที่คุ้นเคย แต่มาพร้อมพลังเสียงที่ใหญ่ขึ้น หนักแน่นขึ้น เบสกระหึ่มกลางแหลมชัดเจน สามารถปรับเสียงเบสและเสียงแหลมได้โดยตรงที่ตัวลำโพงด้วยปุ่มหมุนแบบอนาล็อกสุดเท่ กันน้ำกันฝุ่นระดับ IPX2 (กันละอองน้ำ) พกพาไปนอกบ้านได้สบายๆ ด้วยหูหิ้วหนัง แบตเตอรี่ใช้งานได้นานกว่า 20 ชั่วโมง ฟังเพลงได้ยาวๆ ทั้งวันทั้งคืน เหมาะกับคนที่ชอบ Marshall ดีไซน์สวย เสียงทรงพลัง เบสแน่นๆ และอยากได้ลำโพงที่ดูดีมีสไตล์สำหรับใช้งานทั้งในบ้านและนอกบ้าน.
- จุดเด่นสินค้า: ดีไซน์ Marshall Iconic, เสียงทรงพลัง เบสหนักแน่น, ปรับเบส/แหลมได้ที่ตัวลำโพง, แบตเตอรี่ใช้งานได้นาน, มีหูหิ้วพกพาสะดวก.
- ฟังก์ชันการใช้งาน:
- Multi-directional Sound: การออกแบบระบบเสียงที่ให้เสียงออกได้หลายทิศทาง ทำให้ได้ยินเสียงที่ชัดเจนและทรงพลังไม่ว่าจะวางลำโพงไว้มุมไหนของห้อง เหมาะกับการใช้งานในพื้นที่ที่ค่อนข้างกว้าง หรือต้องการให้เสียงกระจายไปได้ทั่วถึง.
- Analog Control Knobs: ปุ่มหมุนปรับเสียงเบสและเสียงแหลมแบบอนาล็อกที่ด้านบนของลำโพง ช่วยให้ปรับแต่งเสียงได้ง่ายและรวดเร็วตามความชอบส่วนตัว โดยไม่ต้องเข้าแอปพลิเคชัน เป็นเอกลักษณ์ที่สายคลาสสิกต้องชอบ.
- Bluetooth 5.0: เชื่อมต่อไร้สายผ่าน Bluetooth 5.0 ให้การเชื่อมต่อที่เสถียรและครอบคลุมระยะที่เหมาะสมสำหรับการใช้งานทั่วไป สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ได้หลากหลาย.
- กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: คนรักแบรนด์ Marshall, ชอบเสียงเบสหนักๆ, ใช้ในบ้าน/นอกบ้าน, ปาร์ตี้ขนาดกลาง.
การเชื่อมต่อ | การกันน้ำ/ฝุ่น | ระยะเวลาแบตเตอรี่ | กำลังขับ | ขนาด (กxยxส) | น้ำหนัก | Bluetooth Version |
---|
Bluetooth 5.0 | IPX2 | สูงสุด 20+ ชั่วโมง | (ไม่ได้ระบุเจาะจงวัตต์) | 24.3 x 16.2 x 14 ซม. | 2.5 กก. | 5.0 |
9. Aiwa MI-X450 Pro Enigma
- ชื่อแบรนด์: Aiwa
- ชื่อสินค้า: MI-X450 Pro Enigma Bluetooth Speaker
- ราคาสินค้า: ประมาณ 4,xxx - 5,xxx บาท
- คำอธิบายสินค้า: Aiwa แบรนด์เก่าแก่ที่หลายคนคุ้นเคย กลับมาพร้อมลำโพงไร้สายที่น่าสนใจหลายรุ่น ตัว MI-X450 Pro Enigma นี้โดดเด่นที่พลังเสียงที่ดังเกินตัว เบสแน่นสะใจ มีฟังก์ชัน TWS (True Wireless Stereo) จับคู่สองตัวเป็น Stereo ได้ กำลังขับสูงถึง 120 วัตต์ RMS เหมาะกับคนที่ชอบเสียงดังๆ เบสหนักๆ จัดปาร์ตี้ หรือกิจกรรมกลางแจ้งที่ต้องการพลังเสียงมากๆ แบตเตอรี่ใช้งานได้สูงสุด 8 ชั่วโมง รองรับการเชื่อมต่อหลากหลาย ทั้ง Bluetooth, AUX, USB และ SD Card เหมาะกับคนที่มองหาลำโพงพลังเสียงสูง ฟังก์ชันครบครัน ในราคาที่เข้าถึงง่าย.
- จุดเด่นสินค้า: พลังเสียงสูงถึง 120W RMS, เบสแน่น ดังกระหึ่ม, รองรับ TWS Stereo Pairing, เชื่อมต่อได้หลากหลายรูปแบบ, ราคาคุ้มค่า.
- ฟังก์ชันการใช้งาน:
- True Wireless Stereo (TWS): สามารถจับคู่ลำโพง MI-X450 Pro Enigma สองตัวเข้าด้วยกันแบบไร้สาย เพื่อให้ได้เสียงแบบสเตอริโอแท้ๆ แยกมิติเสียงซ้ายขวา ทำให้ได้ประสบการณ์การฟังเพลงที่สมจริงและมีพลังมากขึ้น เหมาะกับการใช้งานในพื้นที่ที่ต้องการเสียงที่โอบล้อม.
- Multiple Connectivity Options: รองรับการเชื่อมต่อที่หลากหลาย ไม่ได้มีแค่ Bluetooth แต่ยังสามารถเชื่อมต่อผ่านสาย AUX 3.5 มม. เล่นเพลงจาก USB Flash Drive หรือ SD Card ได้ด้วย สะดวกมากๆ สำหรับการใช้งานในสถานการณ์ที่แตกต่างกัน.
- Karaoke Function: ฟังก์ชันที่ถูกใจสายร้องแน่นอน ตัวนี้มีช่องสำหรับเสียบไมโครโฟน และสามารถปรับเสียง Echo ได้ ทำให้เปลี่ยนลำโพงธรรมดาให้เป็นชุดคาราโอเกะเคลื่อนที่ได้ง่ายๆ เหมาะกับงานสังสรรค์ ปาร์ตี้ หรือกิจกรรมที่ต้องการความบันเทิงแบบเต็มรูปแบบ.
- กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: สายปาร์ตี้, จัดกิจกรรมกลางแจ้ง, ชอบร้องคาราโอเกะ, เน้นพลังเสียง, ชอบเชื่อมต่อหลากหลาย.
การเชื่อมต่อ | การกันน้ำ/ฝุ่น | ระยะเวลาแบตเตอรี่ | กำลังขับ | ขนาด (กxยxส) | น้ำหนัก | Bluetooth Version |
---|
Bluetooth 5.0, AUX, USB, SD Card | ไม่มีข้อมูลระบุ | สูงสุด 8 ชั่วโมง | 120 วัตต์ RMS | (ไม่ได้ระบุขนาดเจาะจง) | (ไม่ได้ระบุเจาะจง) | 5.0 |
10. Tronsmart T7
- ชื่อแบรนด์: Tronsmart
- ชื่อสินค้า: T7 Portable Bluetooth Speaker
- ราคาสินค้า: ประมาณ 1,xxx - 2,xxx บาท
- คำอธิบายสินค้า: Tronsmart T7 ลำโพงไร้สายจากแบรนด์ที่กำลังมาแรงเรื่องคุณภาพเสียงในราคาเข้าถึงง่าย ตัวนี้โดดเด่นที่เสียงรอบทิศทาง 360 องศา มาพร้อมไฟ RGB เพิ่มบรรยากาศให้ดูสนุกสนาน กันน้ำระดับ IPX7 เอาไปริมสระ ริมทะเลได้สบาย แบตเตอรี่ใช้งานได้สูงสุด 12 ชั่วโมง รองรับการเชื่อมต่อผ่าน Bluetooth 5.3 เวอร์ชั่นล่าสุด สัญญาณเสถียรสุดๆ มีแอปพลิเคชัน Tronsmart ช่วยให้ปรับแต่ง EQ และไฟ RGB ได้ตามใจชอบ เหมาะกับคนที่มองหาลำโพงไร้สายที่ให้เสียงรอบทิศทาง มีไฟสวยๆ สร้างบรรยากาศ ราคาไม่แรงมาก และพกพาไปเที่ยวได้ทุกที่.
- จุดเด่นสินค้า: เสียงรอบทิศทาง 360 องศา, มีไฟ RGB สวยงาม, กันน้ำ IPX7, Bluetooth 5.3 เวอร์ชั่นล่าสุด, ราคาคุ้มค่า.
- ฟังก์ชันการใช้งาน:
- 360-degree Sound: ด้วยการจัดวางไดรเวอร์ลำโพงที่ทำให้เสียงกระจายออกไปได้รอบทิศทาง 360 องศา ทำให้ไม่ว่าจะวางลำโพงไว้ตรงไหน หรือคนฟังจะอยู่มุมไหนของลำโพง ก็ได้ยินเสียงที่มีคุณภาพเท่ากัน เหมาะกับการใช้งานในพื้นที่เปิด หรือวางไว้กลางวงสังสรรค์.
- RGB Lighting Effects: มีไฟ LED รอบตัวลำโพงที่สามารถเปลี่ยนสีและรูปแบบการแสดงผลได้ตามจังหวะเพลง ช่วยเพิ่มบรรยากาศความสนุกสนานให้กับปาร์ตี้หรืองานสังสรรค์ สามารถปรับแต่งรูปแบบไฟได้ผ่านแอปพลิเคชัน Tronsmart.
- Tronsmart App: แอปพลิเคชันสำหรับควบคุมลำโพง Tronsmart T7 ช่วยให้คุณปรับแต่งการตั้งค่าต่างๆ ได้อย่างละเอียด เช่น ปรับอีควอไลเซอร์ (EQ) เพื่อให้ได้เสียงที่ชอบ เลือกรูปแบบการแสดงผลของไฟ RGB หรืออัปเดตเฟิร์มแวร์ลำโพง.
- กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: วัยรุ่น, สายปาร์ตี้, ชอบลำโพงมีไฟ, ใช้ริมสระ/ริมทะเล, งบประมาณจำกัด.
การเชื่อมต่อ | การกันน้ำ/ฝุ่น | ระยะเวลาแบตเตอรี่ | กำลังขับ | ขนาด (กxยxส) | น้ำหนัก | Bluetooth Version |
---|
Bluetooth 5.3 | IPX7 | สูงสุด 12 ชั่วโมง | 30 วัตต์ | 8.8 x 8.8 x 18 ซม. | 0.59 กก. | 5.3 |
คำแนะนำการเลือกซื้อลำโพงไร้สายคู่ใจ
- 1. เลือกตามไลฟ์สไตล์และสถานที่ใช้งาน
ก่อนจะเสียเงินซื้อลำโพงไร้สายสักตัว ลองถามตัวเองก่อนครับว่าปกติแล้วเราเอาไปใช้ที่ไหนบ่อยๆ ใช้ในบ้านอย่างเดียว หรือชอบพกพาไปลุยข้างนอก? ถ้าเน้นใช้ในบ้าน อาจจะเลือกรุ่นที่เสียงดีหน่อย ดีไซน์สวยตั้งโชว์ได้ ไม่ต้องเน้นเรื่องการกันน้ำกันฝุ่นมากนัก แต่ถ้าเป็นสายเที่ยว ชอบทำกิจกรรม Outdoor หรือเป็นสายปาร์ตี้ริมสระ ริมทะเล อันนี้ต้องมองหารุ่นที่มีคุณสมบัติกันน้ำกันฝุ่นดีๆ หน่อย อย่างน้อยๆ ก็ต้องมีมาตรฐาน IPX4 ขึ้นไป ยิ่งถ้ามี IP67 นี่คือสบายใจหายห่วงเลย จะตกน้ำ ตกทราย โดนฝนก็ไม่พังง่ายๆ ขนาดและน้ำหนักก็สำคัญครับ ถ้าเน้นพกพาสะดวกไปได้ทุกที่ ควรเลือกรุ่นที่เล็กกะทัดรัด น้ำหนักเบา มีสายคล้องหรือหูหิ้วก็จะยิ่งสะดวกมากขึ้น ลองจินตนาการว่าเราจะพกไปใส่กระเป๋าเป้ใบเล็กๆ หรือจะห้อยกับจักรยานได้ไหม ถ้าตัวใหญ่เทอะทะอาจจะไม่ตอบโจทย์ แต่ถ้าเน้นเสียงดังฟังในพื้นที่กว้างๆ หรือจัดปาร์ตี้ อาจจะต้องยอมแลกกับขนาดที่ใหญ่ขึ้นหน่อย เพราะลำโพงตัวใหญ่ไดรเวอร์ก็จะใหญ่ตาม ให้เสียงที่ทรงพลังกว่า ส่วนเรื่องดีไซน์ก็แล้วแต่ความชอบเลยครับ ชอบแบบเรียบหรู มินิมอล หรือชอบแบบลุยๆ มีไฟ RGB ก็เลือกได้ตามใจ แค่คิดถึงว่ามันจะเข้ากับบรรยากาศที่เราจะเอาไปใช้รึเปล่าเท่านั้นเองครับ การเลือกให้ตรงกับไลฟ์สไตล์จะทำให้เราใช้งานลำโพงได้อย่างมีความสุขและคุ้มค่าที่สุดครับ อย่าซื้อตามกระแสอย่างเดียว ต้องดูความต้องการของตัวเองเป็นหลักด้วยนะจะบอกให้!
- 2. พิจารณาคุณภาพเสียงและแนวเพลงที่ชอบ
เรื่องเสียงนี่เป็นหัวใจหลักของลำโพงเลยใช่ไหมครับ? แต่ละแบรนด์ แต่ละรุ่นก็มีคาแรกเตอร์เสียงไม่เหมือนกัน บางรุ่นเน้นเบสแน่นๆ ตึ้บๆ ฟังเพลงแดนซ์ เพลงฮิปฮอปมันส์สะใจ บางรุ่นเน้นเสียงร้องชัดๆ เสียงกลางเด่นๆ เหมาะกับเพลง Pop เพลง Acoustic บางรุ่นก็ให้เสียงที่ใสเคลียร์ รายละเอียดครบถ้วน เหมาะกับคนที่ชอบฟังเพลงแบบจริงจัง ต้องการได้ยินทุกรายละเอียดของดนตรี ก่อนตัดสินใจซื้อ ถ้ามีโอกาสควรไปลองฟังเสียงจริงที่ร้านก่อนครับ ลองเปิดเพลงที่เราชอบฟังเป็นประจำดูว่าเสียงที่ออกมาถูกใจเราไหม เบสแน่นพอไหม เสียงร้องชัดรึเปล่า เสียงแหลมบาดหูไหม หรือถ้าซื้อออนไลน์ ให้ลองหารีวิวจากผู้ใช้งานจริงดูครับ อ่านรีวิวเยอะๆ ฟังคลิปรีวิวเปรียบเทียบเสียงใน YouTube ก็พอจะช่วยให้เห็นภาพได้ระดับหนึ่ง นอกจากคาแรกเตอร์เสียงแล้ว เรื่องความดังของเสียงก็สำคัญครับ ถ้าเอาไปใช้ในห้องนอนเล็กๆ ลำโพงตัวเล็กๆ กำลังขับไม่สูงมากก็อาจจะพอแล้ว แต่ถ้าจะเอาไปใช้ในพื้นที่เปิด จัดปาร์ตี้ หรือริมทะเลที่มีเสียงคลื่นรบกวน อาจจะต้องเลือกรุ่นที่มีกำลังขับสูงขึ้นมาหน่อย เสียงจะได้ดังพอที่จะสู้กับเสียงรอบข้างได้ ฟังก์ชันปรับ EQ ก็เป็นตัวช่วยที่ดีครับ ถ้าลำโพงรุ่นไหนมีแอปพลิเคชันที่ให้เราปรับ EQ ได้ เราก็จะสามารถปรับโทนเสียงให้เข้ากับแนวเพลงที่เราฟัง หรือปรับให้เข้ากับสภาพอะคูสติกของห้องได้ ทำให้ได้คุณภาพเสียงที่ดีที่สุดสำหรับเราครับ อย่ามองข้ามเรื่องนี้เด็ดขาด เพราะเสียงที่ดีจะช่วยเพิ่มอรรถรสในการฟังเพลงของเราได้อีกเยอะเลยล่ะครับ เชื่อผม!
- 3. ตรวจสอบอายุแบตเตอรี่และคุณสมบัติการชาร์จ
ลำโพงไร้สายที่ดี แบตเตอรี่ต้องอึดครับ! ยิ่งถ้าเป็นคนที่ชอบพกพาไปใช้นอกสถานที่บ่อยๆ หรือไปตั้งแคมป์ ไปเที่ยวที่ไม่มีปลั๊กไฟ ยิ่งต้องดูตรงนี้เป็นพิเศษเลยครับ ลองดูว่าลำโพงตัวนั้นสามารถใช้งานต่อเนื่องได้นานกี่ชั่วโมงต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง รุ่นที่ดีๆ หน่อยก็มักจะใช้งานได้ตั้งแต่ 8 ชั่วโมง ไปจนถึง 20 ชั่วโมง หรือมากกว่านั้นก็มีครับ ยิ่งนานเท่าไหร่ก็ยิ่งสบายใจเท่านั้น จะได้ไม่ต้องคอยกังวลว่าแบตจะหมดกลางคัน ส่วนเรื่องเวลาในการชาร์จก็สำคัญไม่แพ้กันครับ ลองดูว่าใช้เวลาชาร์จจาก 0 ถึง 100% นานแค่ไหน ถ้าแบตอึดแต่ชาร์จนานมากๆ ก็อาจจะไม่สะดวกเท่าไหร่ครับ มองหารุ่นที่รองรับระบบชาร์จเร็วก็จะช่วยประหยัดเวลาไปได้เยอะ บางรุ่นมีฟังก์ชันที่เรียกว่าเป็น Power Bank ในตัว คือสามารถใช้พอร์ต USB ของลำโพงเพื่อชาร์จไฟให้กับสมาร์ทโฟนหรืออุปกรณ์อื่นๆ ได้ด้วย ฟังก์ชันนี้มีประโยชน์มากๆ สำหรับสายเดินทาง สายกิจกรรม Outdoor ครับ เหมือนได้ Power Bank พกพาไปในตัวเลย ยิ่งถ้าเดินทางหลายวันแล้วหาที่ชาร์จยาก ฟังก์ชันนี้ช่วยชีวิตได้เลยนะครับ นอกจากนี้ลองดูประเภทพอร์ตชาร์จด้วยครับ ถ้าเป็น USB-C ก็จะสะดวกหน่อย เพราะเป็นพอร์ตมาตรฐานที่ใช้กันแพร่หลายในปัจจุบัน ใช้สายเดียวชาร์จได้หลายอุปกรณ์ ถ้ายังเป็น Micro-USB อยู่ก็อาจจะไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ในยุคนี้ครับ ดังนั้นก่อนซื้อ เช็คเรื่องแบตเตอรี่และระบบการชาร์จให้ละเอียดนะครับ จะได้ใช้งานลำโพงได้อย่างต่อเนื่องไม่มีสะดุดตลอดทริปครับ!
- 4. ดูคุณสมบัติพิเศษและการเชื่อมต่อเสริม
นอกจากคุณภาพเสียงและแบตเตอรี่แล้ว ลำโพงไร้สายหลายๆ รุ่นก็มีคุณสมบัติพิเศษอื่นๆ ที่น่าสนใจด้วยครับ อย่างเช่น ฟังก์ชันการจับคู่ลำโพงหลายๆ ตัวเข้าด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น PartyBoost ของ JBL หรือ Stack Mode ของ Marshall ฟังก์ชันพวกนี้มีประโยชน์มากๆ ถ้าเรามีลำโพงรุ่นเดียวกันหลายตัว หรือเพื่อนเรามี ก็สามารถนำมาเชื่อมต่อกันเพื่อเพิ่มพลังเสียงให้ดังกระหึ่มขึ้น หรือสร้างระบบเสียงสเตอริโอที่สมจริงมากขึ้นได้ เหมาะกับงานปาร์ตี้ใหญ่ๆ หรือพื้นที่ที่ต้องการเสียงครอบคลุมมากๆ บางรุ่นก็มีไมโครโฟนในตัว สามารถใช้เป็น Hands-free รับสายโทรศัพท์หรือประชุมออนไลน์ได้ สะดวกมากๆ ครับ บางรุ่นอาจจะมีไฟ RGB แสดงผลตามจังหวะเพลง เพิ่มบรรยากาศให้ดูสนุกสนาน เหมาะกับสายปาร์ตี้ สายเอนเตอร์เทน หรือบางรุ่นอาจจะรองรับผู้ช่วยเสียงอัจฉริยะอย่าง Alexa หรือ Google Assistant ในตัว ทำให้สั่งการด้วยเสียงได้ เปลี่ยนลำโพงให้กลายเป็น Smart Speaker ได้เลย นอกจากนี้เรื่องการเชื่อมต่อเสริมก็สำคัญครับ ส่วนใหญ่ลำโพงไร้สายจะเชื่อมต่อผ่าน Bluetooth เป็นหลักอยู่แล้ว แต่บางรุ่นอาจจะมีช่อง AUX 3.5 มม. มาให้ด้วย สำหรับการเชื่อมต่อแบบใช้สายกับอุปกรณ์ที่ไม่รองรับ Bluetooth หรือบางรุ่นอาจจะรองรับการเล่นเพลงจาก USB Flash Drive หรือ SD Card ได้โดยตรง ซึ่งก็เพิ่มความสะดวกในการใช้งานได้อีกแบบครับ ยิ่งเชื่อมต่อได้หลากหลายก็ยิ่งใช้งานได้ยืดหยุ่นมากขึ้นครับ ลองดูว่าคุณสมบัติพิเศษเหล่านี้ตรงกับความต้องการของเราไหม ฟังก์ชันไหนที่เราจะได้ใช้จริงๆ ก็เลือกที่มีฟังก์ชันนั้นครับ ไม่จำเป็นต้องมีครบทุกอย่าง ขอแค่มีที่เราต้องการก็พอแล้วครับ!
- 5. เปรียบเทียบราคาและความคุ้มค่า
แน่นอนครับว่าปัจจัยสุดท้ายที่สำคัญมากๆ ก็คือเรื่องของราคาและความคุ้มค่านี่แหละครับ ลำโพงไร้สายมีให้เลือกตั้งแต่ราคาหลักร้อยไปจนถึงหลักหมื่น หลักแสนเลยทีเดียวครับ เราต้องตั้งงบประมาณของเราไว้ก่อนว่าจะจ่ายได้ประมาณเท่าไหร่ แล้วค่อยมองหารุ่นที่อยู่ในงบที่เราตั้งไว้ครับ หลังจากนั้นก็มาเปรียบเทียบคุณสมบัติของแต่ละรุ่นในเรทราคาเดียวกันครับ ดูว่ารุ่นไหนให้คุณภาพเสียงที่ดีที่สุด ฟังก์ชันครบครันที่สุด แบตเตอรี่อึดที่สุด หรือทนทานที่สุดเมื่อเทียบกับราคาที่ต้องจ่ายไปครับ บางครั้งรุ่นที่ราคาถูกมากๆ อาจจะไม่ได้คุณภาพเสียงที่ดีเท่าที่ควร หรือแบตเตอรี่หมดเร็ว หรือไม่ทนทานต่อสภาพอากาศ ก็ต้องพิจารณาดูครับ ในทางกลับกัน รุ่นที่แพงมากๆ ก็อาจจะมีฟังก์ชันที่เราไม่ได้ใช้ หรือคุณภาพเสียงอาจจะไม่ได้แตกต่างจากรุ่นที่ถูกกว่ามากนักจนรู้สึกถึงความคุ้มค่าครับ ลองอ่านรีวิว เปรียบเทียบสเปค และถ้าเป็นไปได้ให้ลองฟังเสียงจริงเพื่อประกอบการตัดสินใจครับ นอกจากราคาตัวลำโพงแล้ว ลองดูด้วยครับว่าในแพ็คเกจมีอะไรมาให้บ้าง มีสายชาร์จให้ไหม มีเคสสำหรับพกพาให้รึเปล่า บางทีอุปกรณ์เสริมเล็กๆ น้อยๆ พวกนี้ก็มีผลต่อความคุ้มค่าโดยรวมเหมือนกันครับ อย่าลืมมองหาโปรโมชั่น ส่วนลด หรือโค้ดส่วนลดต่างๆ ในแพลตฟอร์มออนไลน์ด้วยนะครับ อาจจะได้ลำโพงรุ่นที่เราเล็งไว้ในราคาที่ถูกลงกว่าเดิมก็ได้ครับ การเปรียบเทียบราคาและความคุ้มค่าอย่างรอบคอบ จะช่วยให้เราได้ลำโพงไร้สายที่ดีที่สุดที่ตอบโจทย์ความต้องการและงบประมาณของเราได้อย่างลงตัวที่สุดครับ ช้อปอย่างฉลาด ได้ของดี มีความสุข!
คำถามพบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับลำโพงไร้สาย
- Q: ลำโพงไร้สายกันน้ำได้ เอาไปใช้ในน้ำได้เลยไหม?
A: ไม่ได้หมายความว่าจุ่มน้ำได้ตลอดเวลานะครับ! มาตรฐานการกันน้ำ (IP Rating) จะมีตัวเลขสองตัว ตัวแรกคือกันฝุ่น ตัวที่สองคือกันน้ำ ยิ่งตัวเลขสูงยิ่งกันได้ดี IPX4 คือกันละอองน้ำได้, IPX7 คือจุ่มน้ำได้ไม่เกิน 1 เมตร เป็นเวลาไม่เกิน 30 นาที, IP67 คือกันฝุ่นได้และจุ่มน้ำได้ตามมาตรฐาน IPX7 ครับ ส่วนใหญ่ลำโพงกันน้ำจะเหมาะกับการโดนน้ำสาด โดนฝน หรือตกน้ำชั่วคราวแล้วรีบหยิบขึ้นมาครับ ไม่ได้ออกแบบมาให้เปิดเพลงใต้น้ำหรือแช่น้ำนานๆ ตรวจสอบมาตรฐาน IP ของรุ่นนั้นๆ ให้ละเอียดก่อนนำไปใช้งานนะครับ
- Q: แบตเตอรี่ลำโพงไร้สายใช้งานได้นานแค่ไหน?
A: ระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่จะแตกต่างกันไปในแต่ละรุ่นครับ ขึ้นอยู่กับขนาดแบตเตอรี่และระดับเสียงที่เปิดใช้งาน โดยทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ 5-20 ชั่วโมงครับ ถ้าเปิดเสียงดังมาก แบตก็จะหมดเร็วขึ้นครับ ควรดูจากสเปคที่ผู้ผลิตระบุไว้ และอ่านรีวิวจากผู้ใช้งานจริงเพื่อประกอบการตัดสินใจครับ บางรุ่นอาจจะมีฟังก์ชันประหยัดพลังงาน หรือสามารถเป็น Power Bank ชาร์จอุปกรณ์อื่นได้ด้วยครับ
- Q: สามารถเชื่อมต่อลำโพงไร้สายสองตัวเพื่อฟังแบบ Stereo ได้ไหม?
A: ได้ครับ! ลำโพงไร้สายหลายๆ รุ่นมีฟังก์ชันนี้เรียกว่า True Wireless Stereo (TWS) หรือชื่ออื่นๆ ตามแต่ละแบรนด์ เช่น PartyBoost (JBL), Stack Mode (Marshall) ฟังก์ชันนี้จะให้คุณจับคู่ลำโพงรุ่นเดียวกันสองตัวเข้าด้วยกัน เพื่อแยกเสียงซ้ายขวา ทำให้ได้เสียงแบบสเตอริโอที่สมจริงและมีมิติมากขึ้นครับ ตรวจสอบคุณสมบัตินี้ในรุ่นที่คุณสนใจก่อนซื้อนะครับ.
- Q: คุณภาพเสียงของลำโพงไร้สายจะดีเท่าลำโพงมีสายไหม?
A: โดยทั่วไปแล้ว ลำโพงมีสายในราคาใกล้เคียงกันมักจะให้คุณภาพเสียงที่ดีกว่าลำโพงไร้สายเล็กน้อยครับ เนื่องจากไม่ต้องมีการบีบอัดสัญญาณเสียงเพื่อส่งผ่าน Bluetooth แต่เทคโนโลยี Bluetooth ในปัจจุบันมีการพัฒนาไปมาก และลำโพงไร้สายรุ่นใหม่ๆ ก็มีคุณภาพเสียงที่ดีขึ้นเรื่อยๆ จนใกล้เคียงกับลำโพงมีสายแล้วครับ สำหรับการใช้งานทั่วไปหรือการพกพา ลำโพงไร้สายถือว่าให้คุณภาพเสียงที่เพียงพอและสะดวกสบายกว่ามากๆ ครับ.
- Q: ควรเลือกลำโพงไร้สายที่รองรับ Bluetooth เวอร์ชั่นไหน?
A: ควรเลือกรุ่นที่รองรับ Bluetooth เวอร์ชั่น 5.0 ขึ้นไปครับ เพราะให้การเชื่อมต่อที่เสถียรมากขึ้น ระยะการเชื่อมต่อไกลขึ้น และประหยัดพลังงานมากขึ้นกว่าเวอร์ชั่นเก่าๆ ถ้าเป็นไปได้เลือกรุ่นที่รองรับ Bluetooth 5.1 หรือ 5.2, 5.3 ก็จะยิ่งดีครับ สัญญาณจะนิ่งและรองรับฟังก์ชันใหม่ๆ ได้ดีขึ้น.
วิดีโอที่เกี่ยวข้อง