สวัสดีค่าเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ สายคอนเทนต์ ครีเอเตอร์ หรือใครก็ตามที่อยากให้เสียงเราพุ่งถึงหูคนฟังแบบใสๆ ชัดๆ เหมือนนั่งคุยกันตรงหน้า! 😊 ในยุคที่โซเชียลมาแรงแซงทุกโค้ง ไม่ว่าจะเป็นไลฟ์สด สตรีมเกม ทำพอดแคสต์ หรืออัดคลิปลง YouTube/TikTok อุปกรณ์ที่ขาดไม่ได้เลย แถมยังเป็นหัวใจสำคัญมากๆ ก็คือ “ไมโครโฟนอัดเสียง” นี่แหละค่ะ เสียงดีมีชัยไปกว่าครึ่ง! วันนี้บัวเอง ในฐานะกูรู (ขอเรียกตัวเองว่ากูรูชั่วคราวละกันนะคะ 😉) แห่งวงการช้อปปิ้งออนไลน์เมืองไทย จะมาขอรีวิวจัดเต็ม 10 อันดับไมค์อัดเสียง ยี่ห้อไหนดี ปี 2025 ที่คัดมาแล้วว่าเด็ดจริง เสียงใสคมชัด เก็บทุกรายละเอียด ที่สำคัญคือหาซื้อง่ายในไทย แถมมีหลายราคาให้เลือกช้อปกันตามงบในกระเป๋าเลยค่า พร้อมแล้วก็ไปดูกันเล้ยยย!
1. HyperX SoloCast
- ชื่อแบรนด์: HyperX
- ชื่อสินค้า: SoloCast USB Condenser Gaming Microphone
- ราคาสินค้า: ฿1,690 - ฿1,990
- คำอธิบายสินค้า: ไมโครโฟนคอนเดนเซอร์ USB ขนาดกะทัดรัด ที่ออกแบบมาเพื่อเหล่าเกมเมอร์ สตรีมเมอร์ และนักสร้างคอนเทนต์โดยเฉพาะ ใช้งานง่ายแบบ Plug N Play แค่เสียบ USB ก็พร้อมลุยได้เลย ไม่ต้องลงไดรเวอร์ให้วุ่นวาย มาพร้อมรูปแบบการรับเสียงแบบ Cardioid ที่เน้นรับเสียงจากด้านหน้า ช่วยลดเสียงรบกวนรอบข้างได้ดี เสียงพูดชัดใส เหมาะกับการไลฟ์สด แคสต์เกม หรือประชุมออนไลน์ มีฟังก์ชันแตะเพื่อปิดเสียง พร้อมไฟ LED บอกสถานะ ใช้งานสะดวก แถมยังรองรับการติดตั้งกับขาตั้งหรือแขนจับไมค์มาตรฐานได้อีกด้วย บอกเลยว่าตัวเล็กแต่แจ๋วเกินราคา!
- จุดเด่นสินค้า: Plug N Play ใช้งานง่าย、เสียงชัดใส ลดเสียงรบกวน、แตะปิดเสียงพร้อมไฟ LED、ขาตั้งปรับได้ ติดตั้งสะดวก、รองรับหลายแพลตฟอร์มและโปรแกรม
- ฟังก์ชันการใช้งาน:
- บันทึกเสียงคุณภาพสูงแบบง่ายๆ: ด้วยการเชื่อมต่อแบบ USB และคุณสมบัติ Plug N Play ทำให้ไมโครโฟนนี้พร้อมใช้งานทันทีที่เสียบเข้ากับคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ที่รองรับ ไม่ต้องมีความรู้ด้านเทคนิคเยอะ ก็สามารถบันทึกเสียงพูด เสียงร้อง หรือเสียงเครื่องดนตรีได้อย่างง่ายดาย ให้คุณภาพเสียงที่ดีเกินคาดสำหรับไมค์ราคาสบายกระเป๋า
- เก็บเสียงพูดได้คมชัด ตัดเสียงรบกวนรอบข้าง: รูปแบบการรับเสียงแบบ Cardioid ของ SoloCast จะเน้นรับเสียงที่มาจากด้านหน้าไมค์โดยตรง ทำให้เสียงพูดของเราโดดเด่นและชัดเจน ขณะเดียวกันก็ช่วยลดเสียง unwanted noises หรือเสียงรบกวนจากด้านข้างและด้านหลัง เช่น เสียงคีย์บอร์ด เสียงพัดลม หรือเสียงคนคุยกัน เหมาะมากสำหรับสภาพแวดล้อมที่อาจจะไม่เงียบสนิท
- ควบคุมการใช้งานได้รวดเร็วทันใจ: มีเซ็นเซอร์แบบแตะอยู่ด้านบนของตัวไมค์ แค่แตะเบาๆ ก็สามารถปิดเสียง (Mute) ได้ทันที เป็นฟังก์ชันที่สะดวกมากๆ เวลาที่เราต้องการไอ จาม หรือคุยกับคนอื่นแบบส่วนตัวระหว่างไลฟ์หรืออัดเสียง พร้อมด้วยไฟ LED สีแดงที่จะสว่างขึ้นเพื่อบอกสถานะว่ากำลังปิดเสียงอยู่ ทำให้ไม่เผลอพูดออกไปโดยไม่ตั้งใจ
- กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: เหมาะกับเกมเมอร์, สตรีมเมอร์, นักเรียน/นักศึกษา (เรียนออนไลน์), คนทำงาน Work from Home (ประชุมออนไลน์), นักจัดรายการพอดแคสต์มือใหม่, ผู้เริ่มต้นทำคอนเทนต์บน YouTube/TikTok ที่ต้องการไมค์คุณภาพดีในราคาเข้าถึงง่าย
ประเภทไมค์ | รูปแบบการรับเสียง | การเชื่อมต่อ | ย่านความถี่ | Sample Rate/Bit Depth | ความไวเสียง | น้ำหนัก | รองรับ OS |
---|
คอนเดนเซอร์ | Cardioid | USB-C | 20Hz - 20kHz | 48kHz/16-bit (Up to 96kHz/24-bit) | -6dBFS (1V/Pa at 1kHz) | 261 กรัม (ไมค์) | Windows, macOS, PS4/PS5 |
2. BOYA BY-V10
- ชื่อแบรนด์: BOYA
- ชื่อสินค้า: BY-V10 Wireless Microphone
- ราคาสินค้า: ฿900 - ฿1,200
- คำอธิบายสินค้า: ไมโครโฟนไร้สายขนาดจิ๋วแต่แจ๋ว เหมาะสุดๆ สำหรับสายทำคอนเทนต์ที่เน้นความคล่องตัว ถ่ายนอกสถานที่ หรือต้องเคลื่อนไหวเยอะๆ ตัวส่งสัญญาณ (Transmitter) มีขนาดเล็ก น้ำหนักเบา หนีบปกเสื้อได้สบายๆ ไม่ต้องกังวลเรื่องสายพันกัน เชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือ (Android Type-C) ได้ง่ายๆ เพียงแค่เสียบตัวรับสัญญาณ (Receiver) เข้ากับพอร์ต Type-C ของมือถือ ก็พร้อมใช้งานทันที ให้เสียงที่ชัดเจน พร้อมฟังก์ชันตัดเสียงรบกวนในตัว ช่วยให้เสียงพูดของเราโดดเด่น แม้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงรอบข้างบ้าง แบตเตอรี่ใช้งานได้นาน พกพาสะดวก ตอบโจทย์สาย Vlog, Live สดขายของ หรือถ่ายวิดีโอทั่วไป
- จุดเด่นสินค้า: ไมค์ไร้สาย ขนาดเล็ก พกพาง่าย、เชื่อมต่อมือถือ Type-C、มีฟังก์ชันตัดเสียงรบกวน、แบตเตอรี่ใช้งานได้นาน、ใช้งานง่าย Plug & Play
- ฟังก์ชันการใช้งาน:
- บันทึกเสียงพร้อมเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ: ด้วยความเป็นไมค์ไร้สาย ทำให้เราไม่ต้องถูกจำกัดด้วยความยาวของสายอีกต่อไป สามารถเดินไปมา พูดคุย หรือสาธิตสิ่งต่างๆ ได้อย่างคล่องแคล่ว เหมาะมากๆ สำหรับการถ่าย Vlog เดินเที่ยว ถ่ายงานอีเวนต์ หรือไลฟ์สดขายของที่ต้องมีการหยิบจับหรือเคลื่อนย้ายสินค้า เพื่อให้คอนเทนต์ดูเป็นธรรมชาติและน่าสนใจยิ่งขึ้น
- ช่วยให้เสียงพูดชัดเจน ลดเสียงรบกวนภายนอก: ตัวไมค์มีฟังก์ชัน Noise Reduction ในตัว ซึ่งช่วยกรองหรือลดเสียงรบกวนต่างๆ ที่ไม่ต้องการ เช่น เสียงลม เสียงรถยนต์ เสียงผู้คนรอบข้าง ทำให้เสียงพูดที่เราอัดมีความชัดเจนและสะอาดมากขึ้น ผู้ชมหรือผู้ฟังก็จะได้ยินสิ่งที่เราสื่อสารได้อย่างสบายหู ไม่ต้องพยายามเพ่งฟังท่ามกลางเสียงแซกซ้อน
- ใช้งานได้ยาวนาน ไม่ต้องกลัวแบตหมดระหว่างทาง: แบตเตอรี่ในตัวตัวส่งสัญญาณใช้งานได้ต่อเนื่องหลายชั่วโมง และรุ่น BY-V10 (สำหรับ Android Type-C) หรือ BY-V20 (สำหรับ iPhone Lightning) ยังมีรุ่นที่เป็น Combo มาพร้อมกล่องชาร์จที่สามารถชาร์จตัวไมค์ไปพร้อมๆ กับเก็บได้ ทำให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ เหมาะกับการถ่ายทำนอกสถานที่ หรือวันที่ต้องใช้งานยาวๆ ทั้งวัน
- กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: นักทำ Vlog, Live Streamer (บนมือถือ), นักข่าวภาคสนาม, พิธีกรรายการนอกสถานที่, คุณครู/วิทยากร (สอนออนไลน์ผ่านมือถือ), ผู้ที่ต้องการอัดเสียงพูดคุณภาพดีขณะเคลื่อนที่
ประเภทไมค์ | รูปแบบการรับเสียง | การเชื่อมต่อ | ย่านความถี่ | ความไวเสียง | อัตราส่วน S/N | น้ำหนัก (ตัวส่ง) | ระยะการทำงาน (ไร้สาย) |
---|
คอนเดนเซอร์ (Lavalier) | Omnidirectional | Wireless (Type-C Receiver) | 20Hz - 20kHz | -40dB | 64dB | 12 กรัม | สูงสุด 50 เมตร (ในที่โล่ง) |
3. SHURE SM7B
- ชื่อแบรนด์: SHURE
- ชื่อสินค้า: SM7B Vocal Microphone
- ราคาสินค้า: ฿14,000 - ฿16,000
- คำอธิบายสินค้า: ไมโครโฟน Dynamic ระดับตำนาน ที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในวงการดนตรีและงาน Broadcast ทั่วโลก เสียงหนา นุ่ม เป็นธรรมชาติ และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการอัดเสียงร้อง เสียงพูด พอดแคสต์ หรือวิทยุ ด้วยรูปแบบการรับเสียงแบบ Cardioid ที่ช่วยป้องกันเสียงรบกวนและเสียงสะท้อนในห้องได้ดีเยี่ยม มี Pop Filter ภายในตัว และระบบ Shock Mount ช่วยลดเสียงรบกวนจากการสัมผัสหรือกระแทก โครงสร้างแข็งแรงทนทาน พร้อมสวิตช์ EQ ในตัวสำหรับปรับแต่งเสียงเบสและเสียงกลาง ทำให้เป็นไมค์ตัวเดียวจบสำหรับงานเสียงระดับโปร (หมายเหตุ: เป็นไมค์แบบ XLR ต้องใช้ร่วมกับ Audio Interface ที่มี Preamp คุณภาพดี)
- จุดเด่นสินค้า: คุณภาพเสียงระดับสตูดิโอ、ลดเสียงรบกวนรอบข้างและ Handling Noise、ทนทาน แข็งแรง、มี Pop Filter และ Shock Mount ในตัว、ปรับ EQ ได้ในตัว
- ฟังก์ชันการใช้งาน:
- บันทึกเสียงร้องและเสียงพูดให้มีคาแรคเตอร์ระดับมืออาชีพ: SM7B เป็นไมค์ Dynamic ที่ให้เสียงหนา อิ่ม และเป็นธรรมชาติ ทำให้เสียงร้องหรือเสียงพูดที่อัดออกมามีมิติและคาแรคเตอร์ที่โดดเด่น เหมาะสำหรับนักร้องที่ต้องการเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ หรือ Podcaster/Broadcaster ที่อยากให้เสียงพูดฟังดูเป็นมืออาชีพ น่าฟัง และไม่ล้าหู แม้จะฟังเป็นเวลานาน
- ช่วยลดเสียงรบกวนจากสภาพแวดล้อมที่ไม่สมบูรณ์: ด้วยรูปแบบการรับเสียงแบบ Cardioid และโครงสร้างแบบ Dynamic ทำให้ SM7B สามารถรับเสียงจากแหล่งกำเนิดเสียงที่อยู่ใกล้ๆ ได้ดี พร้อมทั้งลดเสียงรบกวนจากด้านข้างและด้านหลังได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังมี Pop Filter และ Shock Mount ในตัว ช่วยลดเสียงลมหายใจ เสียงจากการขยับไมค์ หรือเสียงเท้ากระทบพื้น ทำให้ได้เสียงที่สะอาดและคมชัดขึ้น แม้ไม่ได้อัดในห้องที่เก็บเสียงสมบูรณ์แบบ
- ปรับแต่งโทนเสียงเบื้องต้นได้จากตัวไมค์โดยตรง: SM7B มีสวิตช์สำหรับปรับ Equalizer (EQ) อยู่ที่ด้านหลัง สามารถเลือกที่จะ Boost เสียงกลาง หรือ Cut เสียงเบสได้เล็กน้อย เพื่อปรับโทนเสียงให้เข้ากับแหล่งกำเนิดเสียงหรือความชอบส่วนตัวก่อนที่จะเข้าสู่กระบวนการมิกซ์ในโปรแกรม ช่วยให้เราสามารถปรับคาแรคเตอร์เสียงของไมค์ให้เหมาะสมกับการใช้งานที่หลากหลายได้สะดวกขึ้น
- กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: นักร้องมืออาชีพ (ทั้งอัดเสียงและแสดงสด), นักจัดรายการวิทยุ/พอดแคสต์, สตรีมเมอร์ที่ต้องการคุณภาพเสียงสูงสุด, ห้องอัดเสียง (Studio Recording), งาน Broadcast ที่ต้องการความน่าเชื่อถือและคุณภาพเสียงดีเยี่ยม
ประเภทไมค์ | รูปแบบการรับเสียง | การเชื่อมต่อ | ย่านความถี่ | ความไวเสียง | โครงสร้าง | ฟังก์ชันพิเศษ | น้ำหนัก |
---|
Dynamic | Cardioid | XLR | 50Hz - 20kHz | -59 dBV/Pa | โลหะ | EQ Switch, Pop Filter, Shock Mount | 765.4 กรัม |
4. Boya BY-M1
- ชื่อแบรนด์: BOYA
- ชื่อสินค้า: BY-M1 Omnidirectional Lavalier Microphone
- ราคาสินค้า: ฿300 - ฿600
- คำอธิบายสินค้า: ไมค์หนีบปกเสื้อแบบ Condenser ยอดฮิตตลอดกาล ด้วยราคาที่เข้าถึงง่ายแต่ให้คุณภาพเสียงที่ดีเกินคาด เหมาะสำหรับคนที่เพิ่งเริ่มต้นทำคอนเทนต์ ถ่ายวิดีโอสัมภาษณ์ หรือ Live สดต่างๆ ด้วยรูปแบบการรับเสียงแบบ Omnidirectional ที่รับเสียงได้รอบทิศทาง 360 องศา ทำให้เก็บเสียงได้ครบถ้วน ไม่ต้องกังวลเรื่องการจัดตำแหน่งไมค์มากนัก มาพร้อมสายยาวถึง 6 เมตร ใช้งานได้สะดวกทั้งกับกล้อง, สมาร์ทโฟน, คอมพิวเตอร์ มีสวิตช์สลับโหมดใช้งานระหว่างกล้องกับสมาร์ทโฟน เป็นไมค์สายงบประหยัดที่คุณภาพไม่ธรรมดา คุ้มค่ากับราคามากๆ เลยค่ะ
- จุดเด่นสินค้า: ราคาถูกและคุ้มค่า、รับเสียงได้รอบทิศทาง (Omnidirectional)、สายยาว 6 เมตร ใช้งานสะดวก、สลับโหมดกล้อง/มือถือได้、มีอุปกรณ์เสริมมาให้ครบ
- ฟังก์ชันการใช้งาน:
- เก็บเสียงพูดได้อย่างเป็นธรรมชาติจากทุกทิศทาง: ด้วยรูปแบบการรับเสียงแบบ Omnidirectional ทำให้ไมค์ BY-M1 สามารถรับเสียงที่มาจากรอบๆ ตัวไมค์ได้เท่าๆ กัน ไม่ว่าจะติดตั้งหรือหนีบไว้ตำแหน่งไหนของเสื้อ ก็สามารถเก็บเสียงพูดได้อย่างชัดเจนและเป็นธรรมชาติ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับสถานการณ์ที่ต้องการเก็บเสียงบรรยากาศรอบข้างไปด้วย หรือการสัมภาษณ์ที่ผู้พูดอาจจะขยับตัวบ้าง
- ใช้งานได้หลากหลายอุปกรณ์ เพียงแค่สลับสวิตช์: ไมค์ตัวนี้ออกแบบมาให้ใช้งานได้ทั้งกับกล้องถ่ายวิดีโอ (DSLR, Camcorder) และสมาร์ทโฟน/คอมพิวเตอร์ เพียงแค่เลื่อนสวิตช์ที่ตัว Power Module เล็กๆ ก็สามารถเปลี่ยนโหมดให้เข้ากับอุปกรณ์ที่ใช้งานอยู่ได้ทันที ทำให้เป็นไมค์สารพัดประโยชน์ที่ใช้ได้กับ Setup ที่หลากหลาย ไม่ต้องซื้อไมค์หลายตัวให้เปลืองงบ
- ให้ความยืดหยุ่นในการใช้งานด้วยสายที่ยาวเป็นพิเศษ: สายไมค์ที่ยาวถึง 6 เมตร เป็นจุดเด่นที่ทำให้ BY-M1 เหมาะกับการถ่ายทำที่ต้องการระยะห่างระหว่างตัวแบบกับอุปกรณ์บันทึกเสียง เช่น การถ่ายสัมภาษณ์ที่นั่งห่างกัน การถ่ายทำ Vlog ที่ต้องถือกล้องออกไปไกลๆ หรือการนำเสนอที่ยืนห่างจากคอมพิวเตอร์ ช่วยให้จัดเฟรมวิดีโอได้ง่ายขึ้น โดยที่เสียงยังคงชัดเจนไม่เปลี่ยนแปลง
- กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: นักเรียน/นักศึกษา (อัดเสียงเลคเชอร์, ทำ Presentation), ผู้เริ่มต้นทำ Vlog/YouTube/TikTok, Live Streamer (งบประหยัด), การถ่ายวิดีโอสัมภาษณ์, การอัดเสียงพูดทั่วไปที่ต้องการความสะดวกและราคาเป็นมิตร
ประเภทไมค์ | รูปแบบการรับเสียง | การเชื่อมต่อ | ย่านความถี่ | ความไวเสียง | อัตราส่วน S/N | ความยาวสาย | น้ำหนัก (ไมค์+โมดูล) |
---|
คอนเดนเซอร์ (Lavalier) | Omnidirectional | 3.5mm TRRS | 65Hz - 18kHz | -30dB | 74dB | 6 เมตร | ~20.5 กรัม |
5. Rode NT-USB Mini
- ชื่อแบรนด์: Rode
- ชื่อสินค้า: NT-USB Mini USB Condenser Microphone
- ราคาสินค้า: ฿4,000 - ฿5,500
- คำอธิบายสินค้า: ไมโครโฟน Condenser USB คุณภาพเสียงระดับสตูดิโอในขนาดกะทัดรัด พกพาสะดวก จากแบรนด์ Rode ที่เป็นที่ยอมรับในวงการ ให้เสียงที่อบอุ่น ชัดใส มี Presence เหมาะทั้งอัดเสียงร้อง เสียงพูด อัดเครื่องดนตรี หรือจะเอาไป Live สด/สตรีมเกมก็ได้หมด มาพร้อม Pop Filter ในตัว ช่วยลดเสียงลมหรือเสียง plosives (เสียง พ, ฟ) ได้ดี มีขาตั้งแม่เหล็กที่ถอดออกได้ จัดวางง่าย และสามารถติดกับขาตั้งไมค์มาตรฐานได้ มีช่องเสียบหูฟัง 3.5mm สำหรับฟังเสียงแบบ Zero-Latency ไม่ดีเลย์ และยังใช้งานร่วมกับโปรแกรม RODE Connect เพื่อเพิ่มฟังก์ชันต่างๆ ได้อีก เป็นไมค์ USB คุณภาพที่จบครบในตัวเดียวจริงๆ
- จุดเด่นสินค้า: คุณภาพเสียงระดับสตูดิโอ、ขนาดกะทัดรัด พกพาง่าย、มี Pop Filter ในตัว、ขาตั้งแม่เหล็ก ถอดได้、Zero-Latency Monitoring
- ฟังก์ชันการใช้งาน:
- บันทึกเสียงได้คุณภาพเทียบเท่าสตูดิโอระดับเริ่มต้น: ด้วยแคปซูลไมค์แบบ Condenser คุณภาพสูง ทำให้ NT-USB Mini สามารถเก็บรายละเอียดเสียงได้อย่างครบถ้วน ให้เสียงที่เคลียร์ ชัดเจน มีความอบอุ่นและ Presence ที่ดีเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นเสียงร้องที่ต้องการความละเอียด เสียงพูดสำหรับพอดแคสต์/วอยซ์โอเวอร์ หรือแม้แต่อัดเสียงเครื่องดนตรีอะคูสติก ก็ให้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจมากๆ สำหรับไมค์ในกลุ่ม USB
- มั่นใจได้ว่าเสียงพูดจะสะอาดปราศจากเสียงรบกวนที่น่ารำคาญ: มี Pop Filter ติดตั้งมาให้ภายในตัวไมค์เลย ซึ่งเป็นฟังก์ชันสำคัญที่ช่วยลดเสียง “ลม” หรือเสียงที่เกิดจากพยัญชนะบางตัว เช่น พ, ฟ, ท (ที่เรียกว่า Plosives) ไม่ให้กระแทกเข้าไมค์จนเกิดเสียงตุ้บๆ ทำให้เสียงพูดที่บันทึกหรือสตรีมออกไปมีความสะอาด สมูท และฟังแล้วสบายหูมากขึ้น ไม่ต้องซื้อ Pop Filter ภายนอกเพิ่ม
- ฟังเสียงตัวเองแบบเรียลไทม์ ไม่มีดีเลย์มากวนใจ: มีช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5mm อยู่ด้านหลังไมค์ พร้อมปุ่มปรับระดับเสียงในตัว ที่สำคัญคือรองรับการฟังเสียงแบบ Zero-Latency Monitoring ซึ่งหมายความว่าเราจะได้ยินเสียงพูดของตัวเองผ่านหูฟังในทันทีที่พูด โดยไม่มีความหน่วงหรือดีเลย์มารบกวนสมาธิขณะอัดเสียงหรือ Live สด ช่วยให้ควบคุมระดับเสียงและ Performance ได้ดียิ่งขึ้น
- กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: Podcaster, นักดนตรี (อัดเสียงร้อง/อัดกีตาร์โปร่ง), สตรีมเมอร์, Youtuber, นักสร้างคอนเทนต์ที่ต้องการไมค์ USB คุณภาพดีในงบกลางๆ สำหรับ Home Studio หรือการพกพา
ประเภทไมค์ | รูปแบบการรับเสียง | การเชื่อมต่อ | ย่านความถี่ | Sample Rate/Bit Depth | Max SPL | น้ำหนัก | ฟังก์ชันพิเศษ |
---|
คอนเดนเซอร์ | Cardioid | USB-C | 20Hz - 20kHz | 48kHz/24-bit | 121 dB SPL | 585 กรัม | Built-in Pop Filter, Zero-Latency Monitoring |
6. Maono AU-PM461TR
- ชื่อแบรนด์: Maono
- ชื่อสินค้า: AU-PM461TR USB Condenser Microphone
- ราคาสินค้า: ฿800 - ฿1,200
- คำอธิบายสินค้า: ไมโครโฟน Condenser USB ที่มาพร้อมขาตั้ง Tripod ในตัว ครบจบพร้อมใช้งานในราคาเบาๆ ตอบโจทย์สายสตรีมมิ่ง แคสต์เกม หรือทำพอดแคสต์แบบง่ายๆ ให้เสียงที่ชัดเจน เก็บรายละเอียดได้ดีในระดับหนึ่งเมื่อเทียบกับราคา มีรูปแบบการรับเสียงแบบ Cardioid เน้นรับเสียงจากด้านหน้า พร้อมฟังก์ชันปรับ Gain ที่ตัวไมค์ ทำให้ควบคุมระดับเสียงได้สะดวก นอกจากนี้ยังมีไฟ RGB บนตัวไมค์เพิ่มความสวยงาม เหมาะสำหรับคนที่ต้องการไมค์ USB คุณภาพพอใช้ในงบจำกัด หรือเพิ่งเริ่มต้นอยากลองทำคอนเทนต์แบบมีไมค์แยก เสียงดีกว่าไมค์คอมเยอะแน่นอน
- จุดเด่นสินค้า: ราคาเป็นมิตร、พร้อมขาตั้ง Tripod ในตัว、มีปุ่มปรับ Gain、เชื่อมต่อ USB ใช้งานง่าย、มีไฟ RGB (บางรุ่น)
- ฟังก์ชันการใช้งาน:
- ตั้งค่าและใช้งานได้ทันที ไม่ยุ่งยาก: ด้วยการเชื่อมต่อแบบ USB และคุณสมบัติ Plug and Play แค่แกะกล่อง กางขาตั้ง เสียบสาย USB เข้ากับคอมพิวเตอร์หรือแล็ปท็อป ก็สามารถเริ่มใช้งานไมค์ได้ทันที ไม่ต้องลงไดรเวอร์หรือติดตั้งโปรแกรมซับซ้อน เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นที่ต้องการความสะดวก รวดเร็ว พร้อมใช้งานได้เลย ไม่ต้องมานั่งปวดหัวกับการตั้งค่า
- ควบคุมความดังของเสียงที่บันทึกได้อย่างง่ายดาย: มีปุ่มหมุนสำหรับปรับ Gain หรือความไวในการรับเสียงของไมค์อยู่ที่ตัวไมค์เลย ทำให้เราสามารถปรับระดับเสียงเข้าให้เหมาะสมกับแหล่งกำเนิดเสียงและความดังที่เราต้องการได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว หากเสียงเบาไปก็เพิ่ม Gain หากเสียงดังไปจนแตกก็ลด Gain ช่วยให้ได้ระดับเสียงที่พอเหมาะ ไม่ต้องไปปรับในซอฟต์แวร์ตลอดเวลา
- เพิ่มสีสันและบรรยากาศให้กับการสตรีมหรือวิดีโอ: ในบางรุ่นของ AU-PM461TR มีไฟ LED แบบ RGB อยู่บนตัวไมค์ ซึ่งสามารถเปลี่ยนสีได้เอง เพิ่มความสวยงามและโดดเด่นให้กับพื้นที่ทำงานหรือ Setup การสตรีมของเราให้ดูน่าสนใจมากยิ่งขึ้น ตอบโจทย์เกมเมอร์หรือ Content Creator ที่ต้องการอุปกรณ์ที่มีทั้งประสิทธิภาพและดีไซน์ที่โดดเด่น สะท้อนความเป็นตัวเอง
- กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: ผู้เริ่มต้นทำพอดแคสต์/สตรีมเกม/YouTube, นักเรียน/นักศึกษา, คนที่ต้องการไมค์ประชุมออนไลน์ที่เสียงดีกว่าไมค์ติดคอม, ผู้ที่มองหาไมค์ USB ในงบประมาณจำกัด
ประเภทไมค์ | รูปแบบการรับเสียง | การเชื่อมต่อ | ย่านความถี่ | Sample Rate/Bit Depth | ความไวเสียง | Max SPL | น้ำหนัก |
---|
คอนเดนเซอร์ | Cardioid | USB 2.0 | 20Hz - 20kHz | 192kHz/24-bit (สูงสุด) | 93.5dB | ~420 กรัม | |
7. FANTECH MCX01
- ชื่อแบรนด์: FANTECH
- ชื่อสินค้า: MCX01 Leviosa Professional Condenser Microphone
- ราคาสินค้า: ฿1,000 - ฿1,500
- คำอธิบายสินค้า: ไมโครโฟน Condenser USB ดีไซน์โดดเด่น พร้อมไฟ RGB เอาใจสายเกมเมอร์และสตรีมเมอร์เป็นพิเศษ ให้คุณภาพเสียงที่ชัดใสด้วยรูปแบบการรับเสียงแบบ Cardioid ที่เน้นทิศทางด้านหน้า ช่วยลดเสียงรบกวนรอบตัว ทำให้เสียงพูดของเราเด่นชัด เหมาะกับการแคสต์เกม ไลฟ์สด หรืออัดเสียงต่างๆ มาพร้อมขาตั้ง Tripod แบบปรับได้ และ Pop Filter ช่วยกรองเสียงลมหรือเสียง Plosives ทำให้เสียงที่ได้คลีนขึ้น ใช้งานง่ายแค่เสียบ USB ก็พร้อมลุยทันที เป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจในกลุ่มไมค์ USB ราคาย่อมเยา ที่ฟังก์ชันครบครันทั้งเรื่องเสียงและดีไซน์
- จุดเด่นสินค้า: ดีไซน์สวยงามพร้อมไฟ RGB、Cardioid เน้นรับเสียงด้านหน้า、มี Pop Filter และขาตั้งในชุด、คุณภาพเสียงดีสำหรับสตรีมมิ่ง、ใช้งานง่าย USB Plug & Play
- ฟังก์ชันการใช้งาน:
- จับเสียงพูดได้แม่นยำ ลดเสียงสภาพแวดล้อมที่ไม่ต้องการ: ด้วยรูปแบบการรับเสียงแบบ Cardioid ทำให้ไมโครโฟน MCX01 สามารถโฟกัสการรับเสียงไปที่แหล่งกำเนิดเสียงที่อยู่ด้านหน้าได้ดีเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นเสียงพูดของเราขณะสตรีมเกม หรือเสียงบรรยายคลิปต่างๆ ช่วยให้เสียงหลักมีความชัดเจน พุ่งตรงถึงคนฟัง พร้อมทั้งช่วยลดเสียงรบกวนที่มาจากทิศทางอื่น เช่น เสียงเพื่อนร่วมห้อง เสียงสัตว์เลี้ยง หรือเสียงจากนอกห้อง ทำให้เสียงที่ได้สะอาดขึ้น
- เสริมความสวยงามและความเป็นเกมมิ่งให้กับ Setup: จุดเด่นที่เตะตาของไมค์ตัวนี้คือไฟ LED แบบ RGB ที่อยู่บนตัวไมค์ สามารถปรับเปลี่ยนสีสันได้ตามต้องการ ช่วยเพิ่มความสวยงามและบรรยากาศให้กับพื้นที่ทำงานหรือ Setup การสตรีมของเราให้ดูน่าสนใจมากยิ่งขึ้น ตอบโจทย์เกมเมอร์หรือ Content Creator ที่ต้องการอุปกรณ์ที่มีทั้งประสิทธิภาพและดีไซน์ที่โดดเด่น สะท้อนความเป็นตัวเอง
- พร้อมใช้งานทันที ไม่ต้องซื้ออุปกรณ์เสริมเพิ่ม: ในชุดของ FANTECH MCX01 มีอุปกรณ์ที่จำเป็นต่อการใช้งานเบื้องต้นมาให้ครบ ทั้งขาตั้งแบบ Tripod ที่สามารถปรับองศาได้ง่าย และ Pop Filter แบบวงแหวนสำหรับติดตั้งที่ตัวไมค์เลย ทำให้เราสามารถนำไมค์ไปใช้บันทึกเสียงหรือสตรีมมิ่งได้ทันทีที่แกะกล่อง ไม่ต้องเสียเงินหรือเวลาไปหาซื้อขาตั้งหรือ Pop Filter แยกต่างหาก เหมาะสำหรับมือใหม่มากๆ
- กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: เกมเมอร์, สตรีมเมอร์, Youtuber, ผู้ที่ทำ Voiceover, คนที่ต้องการไมค์ USB ที่มีดีไซน์สวยงามและฟังก์ชันครบในราคาเริ่มต้น
ประเภทไมค์ | รูปแบบการรับเสียง | การเชื่อมต่อ | ย่านความถี่ | Sample Rate/Bit Depth | Max SPL | น้ำหนัก | ฟังก์ชันพิเศษ |
---|
คอนเดนเซอร์ | Cardioid | USB (A to B) | 20Hz - 20kHz | 48kHz/16-bit | 115dB (หรือ 120dB) | 252 กรัม | RGB Lighting, Included Pop Filter |
8. Sennheiser e835
- ชื่อแบรนด์: Sennheiser
- ชื่อสินค้า: e835 Cardioid Dynamic Vocal Microphone
- ราคาสินค้า: ฿4,000 - ฿6,000
- คำอธิบายสินค้า: ไมโครโฟน Dynamic คุณภาพสูงที่ออกแบบมาเพื่องานเสียงร้องและการพูดบนเวทีโดยเฉพาะ จากแบรนด์ Sennheiser ที่มีชื่อเสียงมายาวนาน ให้เสียงที่ชัดเจน พุ่ง มีพลัง เหมาะสำหรับนักร้อง พิธีกร หรือวิทยากร ด้วยรูปแบบการรับเสียงแบบ Cardioid ที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันเสียง Feedback (เสียงหอน) ได้ดีเยี่ยม ทนทานต่อแรงกดดันเสียงสูง (High SPL) ได้ดีมากๆ ทำให้รองรับเสียงร้องที่ดังหรือการจ่อกับแหล่งกำเนิดเสียงที่มีความดังได้สบายๆ โครงสร้างเป็นโลหะ แข็งแรงทนทาน พร้อมระบบ Shock Mount ภายในช่วยลดเสียงรบกวนจากการจับถือ เป็นไมค์คู่ใจของนักแสดงสดที่ต้องการความน่าเชื่อถือและคุณภาพเสียงที่ดีเยี่ยมบนเวที
- จุดเด่นสินค้า: เหมาะสำหรับเสียงร้อง/พูดบนเวที、ป้องกันเสียง Feedback ได้ดีเยี่ยม、ทนทานต่อแรงกดดันเสียงสูง、ลด Handling Noise ได้ดี、โครงสร้างโลหะ แข็งแรง
- ฟังก์ชันการใช้งาน:
- ถ่ายทอดเสียงร้องและเสียงพูดได้อย่างทรงพลังบนเวทีการแสดง: ด้วยคุณสมบัติของไมค์ Dynamic ที่ออกแบบมาสำหรับงาน Live Sound โดยเฉพาะ ทำให้ e835 สามารถรับมือกับความดังของเสียงบนเวทีได้อย่างยอดเยี่ยม ทั้งเสียงร้องที่ใช้พลัง หรือเสียงเครื่องดนตรีที่อยู่ใกล้ๆ ทำให้เสียงของเราพุ่งผ่าน Sound System ไปถึงผู้ฟังได้อย่างชัดเจน มีพลัง และควบคุมได้ง่าย เหมาะสำหรับนักร้องที่ต้องการ Performance ที่สม่ำเสมอในทุกการแสดง
- ช่วยลดปัญหาเสียง Feedback (เสียงหอน) ที่น่ารำคาญ: รูปแบบการรับเสียงแบบ Cardioid ของไมค์ e835 มีความสามารถในการปฏิเสธเสียงที่มาจากด้านหลังไมค์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นทิศทางที่มักจะมีลำโพง Monitor วางอยู่ ทำให้ช่วยลดโอกาสการเกิดเสียง Feedback หรือเสียงหอนที่มักจะเป็นปัญหาใหญ่ในการแสดงสด ช่วยให้ทั้งนักร้องและ Sound Engineer ทำงานได้ง่ายขึ้น และผู้ชมก็ได้ฟังเสียงที่สะอาด ไม่ถูกรบกวน
- ทนทานต่อการใช้งานสมบุกสมบันบนเวทีและขณะเดินทาง: ด้วยโครงสร้างตัวไมค์ที่ทำจากโลหะคุณภาพดี ทำให้ e835 มีความแข็งแรงทนทานสูง สามารถรับมือกับการใช้งานที่อาจจะมีการตกหล่นหรือกระแทกบ้างบนเวที หรือระหว่างการขนย้ายอุปกรณ์ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังมีระบบ Shock Mount ภายในที่ช่วยลดเสียงรบกวนที่เกิดจากการจับถือหรือสัมผัสตัวไมค์ขณะใช้งาน ทำให้เป็นไมค์ที่ไว้ใจได้ในทุกสถานการณ์ Live Sound
- กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: นักร้องนำบนเวที, พิธีกรงานต่างๆ, วิทยากร, นักพูด, งานแสดงดนตรีสด, การบันทึกเสียงในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงดัง
ประเภทไมค์ | รูปแบบการรับเสียง | การเชื่อมต่อ | ย่านความถี่ | ความไวเสียง | ทนทานต่อ SPL | น้ำหนัก | โครงสร้าง |
---|
Dynamic | Cardioid | XLR | 40Hz - 16kHz | 2.7 mV/Pa (-51.3 dBV) | >150dB SPL | 330 กรัม | โลหะ |
9. Fifine K678
- ชื่อแบรนด์: Fifine
- ชื่อสินค้า: K678 USB Microphone
- ราคาสินค้า: ฿2,000 - ฿3,000
- คำอธิบายสินค้า: ไมโครโฟน Condenser USB คุณภาพดีที่ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วในกลุ่ม Content Creator ด้วยคุณภาพเสียงที่ชัดเจนและฟังก์ชันที่ครบครันในราคาที่จับต้องได้ ตัวไมค์เป็นโลหะ แข็งแรง ดูดี มีปุ่มควบคุม Gain และปุ่ม Mute พร้อมไฟ LED บอกสถานะที่ตัวไมค์เลย ใช้งานสะดวกมากๆ มีช่องเสียบหูฟัง 3.5mm สำหรับฟังเสียงแบบ Zero-Latency และมาพร้อมขาตั้งแบบปรับได้ แถมยังมี Adapter สำหรับต่อกับขาตั้งไมค์มาตรฐานอื่นๆ ได้อีกด้วย เหมาะสำหรับคนที่ต้องการไมค์ USB คุณภาพดีจริงจังขึ้นมาหน่อย เพื่ออัดเสียงร้อง เล่นดนตรี หรือสตรีมมิ่ง
- จุดเด่นสินค้า: คุณภาพเสียงชัดเจน、ตัวไมค์โลหะ แข็งแรง、มีปุ่มปรับ Gain/Mute ที่ตัวไมค์、Zero-Latency Monitoring、ราคาคุ้มค่า ฟังก์ชันครบ
- ฟังก์ชันการใช้งาน:
- ปรับระดับเสียงและปิดไมค์ได้อย่างรวดเร็วจากตัวไมค์: Fifine K678 มีปุ่มหมุนสำหรับปรับ Gain (ความไวไมค์) และปุ่มกดสำหรับ Mute (ปิดเสียง) พร้อมไฟ LED บอกสถานะอยู่ที่ตัวไมค์เลย ทำให้เราสามารถควบคุมระดับเสียงที่บันทึกหรือสตรีมได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว ไม่ต้องเปิดโปรแกรมขึ้นมาปรับให้เสียเวลา เป็นฟังก์ชันที่สะดวกมากๆ โดยเฉพาะขณะ Live สด หรืออัดเสียงที่ต้องการความฉับไว
- ได้ยินเสียงตัวเองและเสียงอื่นๆ แบบเรียลไทม์ ไม่มีดีเลย์: มีช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5mm อยู่ที่ด้านล่างของตัวไมค์ พร้อมวอลลุ่มสำหรับปรับความดังของหูฟังได้ ซึ่งรองรับระบบ Zero-Latency Monitoring ทำให้เราสามารถฟังเสียงพูดของตัวเอง เสียงดนตรี หรือเสียงอื่นๆ ที่บันทึก/สตรีม ได้พร้อมๆ กันแบบทันที โดยไม่มีความหน่วงของเสียง ช่วยให้ควบคุม Performance การอัดเสียงได้แม่นยำยิ่งขึ้น
- ติดตั้งใช้งานได้หลายรูปแบบตามความต้องการ: ตัวไมค์มาพร้อมกับขาตั้งแบบตั้งโต๊ะที่แข็งแรงและสามารถปรับองศาได้สะดวก นอกจากนี้ยังมี Adapter สำหรับแปลงเกลียวมาให้ในชุด ทำให้สามารถนำตัวไมค์ไปติดตั้งกับขาตั้งไมค์แบบอื่นที่เป็นมาตรฐาน เช่น ขาตั้งแบบแขนยื่น (Boom Arm) ได้อีกด้วย เพิ่มความยืดหยุ่นในการจัดวางตำแหน่งไมค์ให้เหมาะสมกับการใช้งานและพื้นที่ของเรา
- กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: Podcaster, Gamer, สตรีมเมอร์, Youtuber, นักร้อง/นักดนตรี (อัด Demo), ผู้ที่ทำ Voiceover, คนที่ต้องการไมค์ USB คุณภาพดี ฟังก์ชันครบ ในงบที่ไม่สูงมาก
ประเภทไมค์ | รูปแบบการรับเสียง | การเชื่อมต่อ | ย่านความถี่ | Sample Rate/Bit Depth | ความไวเสียง | อัตราส่วน S/N | น้ำหนัก |
---|
คอนเดนเซอร์ | Cardioid | USB 2.0 | 40Hz - 20kHz | 48kHz/16-bit (โดยทั่วไป) | -45dB±3dB | 85dB | 420 กรัม (ไมค์) |
10. BOYA BY-PM700
- ชื่อแบรนด์: BOYA
- ชื่อสินค้า: BY-PM700 USB Condenser Microphone
- ราคาสินค้า: ฿3,000 - ฿4,500
- คำอธิบายสินค้า: ไมโครโฟน Condenser USB แบบตั้งโต๊ะที่โดดเด่นด้วยความสามารถในการปรับเปลี่ยนรูปแบบการรับเสียงได้ถึง 4 รูปแบบ (Cardioid, Omnidirectional, Bidirectional, Stereo) ทำให้เป็นไมค์ที่ versatile มากๆ ใช้ได้กับหลากหลายสถานการณ์ ตั้งแต่อัดเสียงร้องเดี่ยวๆ สัมภาษณ์สองคน อัดเสียงบรรยากาศ หรืออัดเครื่องดนตรี มาพร้อมโครงสร้างที่เป็นโลหะ แข็งแรงทนทาน มีปุ่มควบคุม Gain, Volume หูฟัง และปุ่ม Mute ในตัว พร้อมช่องเสียบหูฟังสำหรับ Monitor เสียงแบบ Real-time เป็นไมค์ USB คุณภาพดี ฟังก์ชันครบ ที่ตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลายสำหรับนักสร้างสรรค์คอนเทนต์และนักดนตรี
- จุดเด่นสินค้า: ปรับรูปแบบการรับเสียงได้ 4 แบบ、โครงสร้างโลหะ แข็งแรง、มีปุ่มควบคุมที่ตัวไมค์、Real-time Monitoring、คุณภาพเสียงดี รองรับงานหลากหลาย
- ฟังก์ชันการใช้งาน:
- ปรับเปลี่ยนรูปแบบการรับเสียงให้เหมาะกับทุกสถานการณ์: จุดเด่นที่สุดของ BY-PM700 คือความสามารถในการเลือกรูปแบบการรับเสียงได้ถึง 4 แบบ (Cardioid, Omnidirectional, Bidirectional, Stereo) ทำให้ไมค์ตัวเดียวสามารถรองรับการใช้งานได้หลากหลายมากๆ เช่น เลือก Cardioid สำหรับอัดเสียงพูดคนเดียว, Omnidirectional สำหรับเก็บเสียงบรรยากาศหรือการประชุมหลายคน, Bidirectional สำหรับสัมภาษณ์แบบนั่งคุยกันสองคน หรือ Stereo สำหรับอัดเสียงเครื่องดนตรีที่ต้องการความกว้างของเสียง
- ควบคุมการทำงานและระดับเสียงได้อย่างสะดวกที่ตัวไมค์: มีปุ่มควบคุมต่างๆ ที่จำเป็นต่อการใช้งานอยู่ที่ด้านหน้าของตัวไมค์ ทั้งปุ่มหมุนปรับ Gain สำหรับควบคุมความไวในการรับเสียง, ปุ่มปรับ Volume สำหรับหูฟัง และปุ่ม Mute สำหรับปิดเสียงชั่วคราว ทำให้เราสามารถปรับตั้งค่าต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วและสะดวกขณะใช้งาน โดยไม่ต้องเข้าไปปรับในโปรแกรมบ่อยๆ เพิ่มความคล่องตัวในการทำงาน
- ฟังเสียงที่กำลังบันทึกแบบสดๆ ไม่มีดีเลย์: มีช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5mm อยู่ที่ด้านล่างของตัวไมค์ ซึ่งรองรับการฟังเสียงแบบ Real-time Monitoring หรือ Zero-Latency Monitoring ทำให้เราสามารถได้ยินเสียงพูด เสียงร้อง หรือเสียงเครื่องดนตรีที่กำลังอัดอยู่ผ่านหูฟังได้ทันที โดยไม่มีความหน่วงของเสียง ช่วยให้ตรวจสอบคุณภาพเสียงและควบคุม Performance ของตัวเองได้อย่างแม่นยำ
- กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: Podcaster, นักดนตรี, ผู้ที่ต้องการอัดเสียงสัมภาษณ์, Youtuber ที่ทำคอนเทนต์หลากหลาย, คนที่มองหาไมค์ USB คุณภาพดีที่สามารถปรับเปลี่ยนการใช้งานได้ตามต้องการ
ประเภทไมค์ | รูปแบบการรับเสียง | การเชื่อมต่อ | ย่านความถี่ | Sample Rate/Bit Depth | ความไวเสียง | อัตราส่วน S/N | โครงสร้าง |
---|
คอนเดนเซอร์ | ปรับได้ (Cardioid, Omni, Bi, Stereo) | Micro USB | 20Hz - 20kHz | 48kHz/16-bit (โดยทั่วไป) | -45dB | 80dB | โลหะ |
คำแนะนำเลือกซื้อไมค์อัดเสียงคู่ใจ ฉบับกูรู (จำเป็น)
- 1. รู้จักประเภทไมค์และรูปแบบการรับเสียง สำคัญกว่าที่คิดนะเอ้อ!
เรื่องแรกที่ต้องทำความเข้าใจกันก่อนเลยคือ ไมโครโฟนมันไม่ได้มีแบบเดียวจบนะจ๊ะ! หลักๆ แล้วที่เราเห็นกันบ่อยๆ จะแบ่งตามหลักการทำงานได้เป็น 2 แบบใหญ่ๆ คือ ไมค์ Condenser กับ ไมค์ Dynamic . ไมค์ Condenser เนี่ย จะมีความไวสูงมากๆ จับรายละเอียดเสียงได้ดีเยี่ยมตั้งแต่เสียงกระซิบยันเสียงแหลมเล็กๆ มักจะต้องใช้ไฟ Phantom Power (+48V) เลี้ยง (ถ้าเป็นแบบ XLR นะ ถ้า USB มักจะมีไฟเลี้ยงในตัวอยู่แล้ว) เหมาะกับการอัดเสียงที่ต้องการความละเอียดสูงๆ ในสภาพแวดล้อมที่ค่อนข้างเงียบ เช่น เสียงร้องในสตูดิโอ อัดกีตาร์โปร่ง อัดเสียงพูดสำหรับพอดแคสต์ที่เน้นความใสเคลียร์ . ส่วนไมค์ Dynamic จะทนทานกว่า รับเสียงดังๆ ได้ดี ไม่ค่อยไวต่อเสียงรบกวนรอบข้างเท่าไหร่ มักจะไม่ต้องใช้ไฟ Phantom Power เหมาะกับการใช้งานที่เสียงค่อนข้างดัง หรือในสภาพแวดล้อมที่คุมเสียงยาก เช่น ร้องเพลงบนเวที จ่อตู้แอมป์กลอง หรืออัดเสียงพูดในที่ที่มีเสียงจอแจ . นอกจากประเภทแล้ว "รูปแบบการรับเสียง" หรือ Polar Pattern ก็โคตรสำคัญ! มันคือทิศทางที่ไมค์รับเสียงได้ดีที่สุด แบบฮิตสุดคือ Cardioid รับเสียงด้านหน้าเป็นหลัก ลดเสียงข้างๆ กับด้านหลัง เหมาะกับอัดเสียงพูดคนเดียว ลดเสียงรบกวน . แบบ Omnidirectional รับเสียงรอบทิศทาง 360 องศา เหมาะกับอัดเสียงบรรยากาศ สัมภาษณ์กลุ่ม หรือในห้องที่อะคูสติกดีๆ . แบบ Bidirectional (Figure-8) รับเสียงด้านหน้ากับด้านหลัง เหมาะกับสัมภาษณ์แบบนั่งตรงข้ามกัน . ถ้าเลือกรูปแบบการรับเสียงไม่ตรงกับงาน เสียงที่ได้ก็อาจจะไม่ดีเท่าที่ควร หรือมีเสียงรบกวนเข้ามาเพียบจ้า ดังนั้น ก่อนซื้อ ถามตัวเองก่อนว่าเอาไปทำอะไร แล้วเลือกประเภทและรูปแบบการรับเสียงให้ตรงกับการใช้งานของเรานะจ๊ะ จะได้ไม่เสียเงินฟรี!
- 2. ดูเรื่องการเชื่อมต่อและอุปกรณ์เสริมที่ต้องใช้ให้ดี ไม่งั้นอาจมีเงิบ!
หลังจากเลือกประเภทไมค์ได้แล้ว สิ่งต่อมาที่ต้องเช็คคือ "การเชื่อมต่อ" ค่ะ หลักๆ เลยจะมีแบบ USB กับ XLR . ไมค์ USB นี่ใช้ง่ายสุดๆ แค่เสียบเข้าคอมพิวเตอร์, แล็ปท็อป หรือบางรุ่นเสียบกับมือถือ/แท็บเล็ตได้เลยแบบ Plug & Play . สัญญาณเสียงจะถูกแปลงเป็น Digital ในตัวไมค์เลย เหมาะกับมือใหม่ หรือคนที่ต้องการความสะดวก พกพาง่าย Setup ไม่ยุ่งยาก . แต่ข้อจำกัดคือ คุณภาพเสียงอาจจะไม่สูงเท่าไมค์ XLR ระดับโปร และมักจะต่อไมค์พร้อมกันหลายๆ ตัวได้ยากกว่า . ส่วนไมค์ XLR เนี่ยคือมาตรฐานในสตูดิโอเลยค่ะ สัญญาณเสียงจะเป็นแบบ Analog ต้องต่อผ่านอุปกรณ์ที่เรียกว่า Audio Interface ก่อนถึงจะเข้าคอมพิวเตอร์ได้ . Audio Interface ทำหน้าที่แปลงสัญญาณ Analog เป็น Digital และมักจะมี Preamp คุณภาพดีในตัว ช่วยขยายสัญญาณเสียงจากไมค์ให้แรงพอที่จะนำไปใช้งานได้ . การใช้ไมค์ XLR กับ Audio Interface จะให้คุณภาพเสียงที่ดีกว่า มีความยืดหยุ่นในการใช้งานสูงกว่า สามารถต่อไมค์หรืออุปกรณ์ดนตรีอื่นๆ ได้หลายช่องพร้อมกัน และปรับแต่งเสียงได้ละเอียดกว่า เหมาะกับคนที่ต้องการคุณภาพเสียงสูงสุด ทำเพลงจริงจัง หรือทำ Home Studio . นอกจากนี้ก็มีพวกไมค์ไร้สาย (Wireless Microphone) ที่สะดวกมากๆ สำหรับการเคลื่อนที่ แต่ต้องดูเรื่องระยะสัญญาณและความเสถียรด้วยนะจ๊ะ. และอย่าลืมเช็ค "อุปกรณ์เสริม" ที่มากับไมค์ด้วย บางรุ่นให้ขาตั้ง Pop Filter หรือ Shock Mount มาในชุด ซึ่งช่วยประหยัดงบและทำให้ใช้งานได้สะดวกขึ้นเยอะเลย .
- 3. ตั้งงบประมาณและเลือกให้ตรงกับการใช้งานจริง ไม่ต้องตามกระแสไปซะหมด!
เรื่องงบประมาณนี่สำคัญมากๆ ค่ะ ไมค์อัดเสียงมีราคาตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักหมื่นปลายๆ เลย การตั้งงบประมาณไว้ก่อนจะช่วยจำกัดตัวเลือกและทำให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น . ไม่จำเป็นต้องซื้อไมค์แพงที่สุดถ้าหากการใช้งานของเราไม่ได้ต้องการคุณภาพระดับสตูดิโอเป๊ะๆ ขนาดนั้น เช่น ถ้าจะเอาไป Live สดคุยกับเพื่อน เล่นเกม หรือประชุมออนไลน์ ไมค์ USB ราคาพันสองพันก็อาจจะเพียงพอและให้เสียงที่ดีขึ้นกว่าเดิมมากๆ แล้ว . แต่ถ้าตั้งใจจะทำพอดแคสต์แบบจริงจัง อัดเสียงร้องเพื่อปล่อยเพลง หรือทำ Voiceover ขาย ก็อาจจะต้องขยับงบขึ้นมาที่ไมค์ USB คุณภาพดีหน่อย หรือพิจารณาไมค์ XLR ระดับเริ่มต้นพร้อม Audio Interface . สิ่งสำคัญคือเลือกไมค์ที่ "ตรงกับการใช้งานจริง" ของเรามากที่สุด ไม่ใช่แค่ตามกระแสว่าตัวไหนฮิต เพราะไมค์แต่ละตัวมีจุดเด่นและข้อจำกัดต่างกันไป . บางทีไมค์ถูกๆ แต่เลือกใช้ถูกประเภทและสภาพแวดล้อมเหมาะสม ก็ให้เสียงที่ดีได้เหมือนกันนะคะ . ลองดูรีวิว ฟัง Sound Test ของไมค์รุ่นที่เราสนใจหลายๆ รุ่น เปรียบเทียบสเปค ฟังก์ชัน และอ่านความคิดเห็นจากผู้ใช้งานจริง เพื่อประกอบการตัดสินใจ จะได้ไมค์ที่คุ้มค่าและตอบโจทย์เราที่สุดค่ะ .
- 4. สภาพห้องและอะคูสติก มีผลกับเสียงมากกว่าที่คิดนะรู้ยัง!
หลายคนอาจจะโฟกัสแค่ที่ตัวไมค์ แต่จริงๆ แล้ว "สภาพห้อง" ที่เราใช้อัดเสียงก็มีผลกับคุณภาพเสียงมากๆ เช่นกันค่ะ โดยเฉพาะไมค์ Condenser ที่มีความไวสูง มันจะเก็บเสียงทุกอย่างในห้องเราเข้ามาหมด ทั้งเสียงก้อง เสียงสะท้อนจากผนัง เสียงพัดลม เสียงแอร์ หรือเสียงรบกวนจากภายนอก . ดังนั้น ถ้าจะใช้ไมค์ Condenser การอัดเสียงในห้องที่เงียบและมีการจัดการเรื่องอะคูสติกบ้างก็จะช่วยให้เสียงที่อัดได้ดีขึ้นเยอะเลยค่ะ . อาจจะไม่ต้องถึงขั้นทำห้องเก็บเสียงแบบสตูดิโอเป๊ะๆ แค่ลองหาม่านหนาๆ มาติด ลดพื้นผิวแข็งๆ ที่ทำให้เกิดเสียงสะท้อน เช่น ผนังเปล่าๆ หรือวางแผ่นซับเสียง (Acoustic Foam) ในจุดที่เหมาะสมก็ช่วยได้มากแล้วค่ะ . ถ้าห้องเรามีเสียงรบกวนเยอะจริงๆ หรือไม่สามารถปรับสภาพห้องได้เลย การเลือกใช้ไมค์ Dynamic ที่ไม่ค่อยไวต่อเสียงรบกวนอาจจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าก็ได้นะ . นอกจากนี้ การจัดวางตำแหน่งไมค์ให้ถูกต้องก็สำคัญมากเช่นกัน . ลองศึกษาเรื่องระยะห่างจากปากถึงไมค์ (Proximity Effect) และมุมในการรับเสียงของไมค์แต่ละตัวดู จะช่วยให้ได้เสียงที่ดีที่สุดจากไมค์ที่เรามีค่ะ . อย่าลืมว่าอุปกรณ์เสริมอย่าง Pop Filter และ Shock Mount ก็ช่วยลดปัญหาเสียงรบกวนเล็กๆ น้อยๆ ได้นะ.
คำถามพบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับไมค์อัดเสียง
- Q: ไมค์ Condenser กับ Dynamic ต่างกันยังไง? แล้วแบบไหนเหมาะกับเรา?
A: ง่ายๆ คือ ไมค์ Condenser ไวต่อเสียงมาก จับรายละเอียดดี เหมาะกับอัดเสียงในห้องเงียบๆ เช่น เสียงร้อง เครื่องดนตรี หรือพอดแคสต์ที่ต้องการความใสเคลียร์ ส่วนไมค์ Dynamic ทนทาน รับเสียงดังๆ ได้ดี ทนเสียงรบกวน เหมาะกับร้องเพลงบนเวที หรืออัดเสียงในที่เสียงดังๆ ค่ะ . จะเลือกแบบไหนก็ขึ้นอยู่กับว่าเราจะเอาไปใช้งานแบบไหนและสภาพแวดล้อมในการอัดเสียงของเราเป็นยังไงค่ะ .
- Q: จำเป็นต้องมี Audio Interface ไหม ถ้าใช้ไมค์ USB อยู่แล้ว?
A: ถ้าใช้ไมค์ USB อยู่แล้ว ปกติไม่จำเป็นต้องมี Audio Interface เพิ่มเติมค่ะ เพราะไมค์ USB จะแปลงสัญญาณเสียงเป็น Digital ในตัวและเชื่อมต่อเข้าคอมพิวเตอร์ได้โดยตรง . แต่ถ้าต้องการใช้ไมค์แบบ XLR หรืออยากได้คุณภาพเสียงที่ดีที่สุด มีช่องต่อเยอะๆ หรือต้องการใช้ Plugin บางตัว Audio Interface ก็จำเป็นและช่วยยกระดับคุณภาพงานเสียงได้ค่ะ .
- Q: ไมค์ตัวไหนเหมาะสำหรับมือใหม่เริ่มต้นทำพอดแคสต์หรืองานวิดีโอ?
A: สำหรับมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้น แนะนำเป็นไมค์ USB ที่ใช้งานง่ายแบบ Plug & Play ในราคาที่ไม่สูงมากค่ะ เช่น HyperX SoloCast , Maono AU-PM461TR , FANTECH MCX01 หรือ Fifine K678 . หรือถ้าเน้นพกพา ถ่ายนอกสถานที่บ่อยๆ ไมค์หนีบปกเสื้ออย่าง Boya BY-M1 หรือไมค์ไร้สาย Boya BY-V10 ก็เป็นตัวเลือกที่ดีค่ะ เลือกที่ตรงกับงบประมาณและการใช้งานหลักของเราค่ะ .
- Q: ซื้อไมค์อัดเสียงออนไลน์จากที่ไหนได้บ้างในไทย?
A: แหล่งซื้อไมค์อัดเสียงออนไลน์ยอดนิยมในไทยก็มีหลายที่เลยค่ะ เช่น ร้านค้า Official Store ของแบรนด์ต่างๆ บนแพลตฟอร์ม E-commerce ใหญ่ๆ อย่าง Shopee, Lazada หรือเว็บไซต์ของร้านตัวแทนจำหน่ายอุปกรณ์ด้านเสียงโดยเฉพาะ นอกจากนี้บางแบรนด์หรือร้านค้าก็มี Facebook Page ให้สั่งซื้อได้โดยตรงค่ะ สะดวก รวดเร็ว มีให้เลือกเยอะเลย .
วิดีโอที่เกี่ยวข้อง