10 หูฟัง True Wireless ราคาไม่เกิน 1000 บาท ปี 2025 คุ้มค่า เสียงดีเกินงบ

สวัสดีค่า เหล่าเพื่อนๆ นักช้อปออนไลน์ทั้งหลาย! วันนี้เจ๊มาพร้อมกับดีลเด็ด เอ้ย! ไม่ใช่สิ... มาพร้อมกับสาระดีๆ สำหรับคนรักเสียงเพลงและชอบความสะดวกสบายในราคาสบายกระเป๋า นั่นก็คือ "10 หูฟัง True Wireless ราคาไม่เกิน 1000 บาท ปี 2025 คุ้มค่า เสียงดีเกินงบ" นั่นเอง! ยุคนี้ใครๆ ก็ต้องมีหูฟังไร้สายคู่ใจเนอะ จะเดินห้าง ช้อปปิ้งเพลินๆ (แน่นอนว่าต้องมีโปรโมชั่นตามสไตล์คนไทย!), ออกกำลังกาย หรือจะ Work from Home ประชุมออนไลน์ยาวๆ ก็ต้องใช้ งานนี้เจ๊คัดมาให้เน้นๆ 10 รุ่น ที่บอกเลยว่าราคาหลักร้อย แต่คุณภาพหลักพัน! แถมยังเข้ากับไลฟ์สไตล์คนไทยสุดๆ ทั้งเรื่องความคุ้มค่า ดีไซน์ และฟังก์ชันที่ตอบโจทย์ ถ้าพร้อมแล้ว เตรียมตัวควักเงินในแอปฯ ช้อปปิ้งคู่ใจไว้ได้เลยจ้า!

1. Xiaomi Redmi Buds 4 Lite

• ชื่อแบรนด์: Xiaomi (เสียวหมี่)
• ชื่อสินค้า: Redmi Buds 4 Lite
• ราคาสินค้า: ประมาณ 500 - 700 บาท
• คำอธิบายสินค้า: Redmi Buds 4 Lite คือหูฟัง True Wireless ตัวเล็ก สเปคเกินราคาที่ชาวไทยเลิฟสุดๆ มาพร้อมดีไซน์แบบ Earbud ใส่สบาย ไม่เจ็บหู แม้จะใส่นานๆ น้ำหนักเบา พกพาง่าย เสียงดีเกินคาดสำหรับราคาหลักร้อย ให้เสียงร้องชัดเจน เบสกำลังดี ฟังเพลงได้หลากหลายแนว เชื่อมต่อง่ายด้วย Bluetooth 5.3 ใช้งานได้ยาวนาน ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองที่เน้นความคล่องตัวและความคุ้มค่า ไม่ว่าจะเดินทาง ประชุม หรือฟังเพลงชิลๆ ก็เอาอยู่ เหมาะกับนักเรียน นักศึกษา วัยทำงาน หรือใครก็ตามที่มองหาหูฟังตัวแรกในงบจำกัด.
• จุดเด่นสินค้า: ราคาเป็นมิตรสุดๆ, ดีไซน์ Earbud ใส่สบาย, เชื่อมต่อ Bluetooth 5.3, น้ำหนักเบาพกพาง่าย, แบตเตอรี่ใช้งานได้นาน
• ฟังก์ชันการใช้งาน:
  • ฟังเพลงและดูวิดีโอ: ด้วยไดรเวอร์คุณภาพที่ให้เสียงเคลียร์ เบสพอเหมาะ ทำให้การฟังเพลงหรือดูซีรีส์เรื่องโปรดผ่านแอปฯ ยอดฮิตเป็นเรื่องฟินๆ ไม่ว่าจะแนว Pop, Rock หรือ Podcast ก็ฟังสนุกได้ทุกที่ทุกเวลา.
  • คุยโทรศัพท์: มีไมโครโฟนในตัวที่ช่วยให้การสนทนาชัดเจนในระดับหนึ่งสำหรับการใช้งานทั่วไป ไม่ว่าจะคุยกับเพื่อน เม้าท์กับครอบครัว หรือรับสายงานด่วนขณะอยู่นอกบ้านก็ยังพอไหว สื่อสารกันรู้เรื่อง.
  • ควบคุมการเล่นเพลง/รับสาย: รองรับระบบสัมผัสบนตัวหูฟัง ช่วยให้ควบคุมเพลง (เล่น, หยุด, เปลี่ยนเพลง) หรือรับ/วางสายโทรศัพท์ได้อย่างสะดวกสบาย เพียงแค่แตะเบาๆ ไม่ต้องหยิบมือถือขึ้นมาให้ยุ่งยาก.
• กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: นักเรียน, นักศึกษา, วัยทำงาน, ผู้ที่ต้องการหูฟังราคาประหยัด, ใช้ในชีวิตประจำวัน, เดินทาง, ฟังเพลง, ดูหนัง, คุยโทรศัพท์

เวอร์ชันบลูทูธ	ประเภทหูฟัง	การกันน้ำ/กันฝุ่น	อายุแบตเตอรี่ (หูฟัง+เคส)	พอร์ตชาร์จ	การควบคุม
5.3	Earbud	IP54	สูงสุด 20 ชั่วโมง	USB Type-C	ระบบสัมผัส

2. Baseus Bowie E3

• ชื่อแบรนด์: Baseus (เบซิอุส)
• ชื่อสินค้า: Bowie E3
• ราคาสินค้า: ประมาณ 600 - 800 บาท
• คำอธิบายสินค้า: Baseus Bowie E3 เป็นอีกรุ่นขวัญใจสายคุ้มค่า ที่มาพร้อมดีไซน์ก้านยาวคล้ายหูฟังตัวท็อปในตลาด แต่ราคาเป็นมิตรกับเงินในกระเป๋าสุดๆ จุดเด่นคือดีไซน์ที่ทันสมัย สีสันน่ารักถูกใจวัยรุ่นไทยหลายคน ให้เสียงที่ใส รายละเอียดดี เหมาะกับการฟังเพลงที่เน้นเสียงร้อง หรือเพลงแนว Pop ที่มีจังหวะเร็วๆ การเชื่อมต่อเสถียรด้วย Bluetooth 5.2 มี Game Mode ช่วยลดความหน่วงเวลาเล่นเกมหรือดูหนัง เหมาะกับคนที่มองหาหูฟังดีไซน์สวย คุณภาพเสียงใช้ได้ และมีฟังก์ชันครบครันในงบไม่เกินพัน.
• จุดเด่นสินค้า: ดีไซน์สวยทันสมัย, มี Game Mode, เสียงใสรายละเอียดดี, การเชื่อมต่อเสถียร, ราคาคุ้มค่า
• ฟังก์ชันการใช้งาน:
  • โหมดเกม (Low Latency): ฟังก์ชันนี้ช่วยลดความหน่วงของเสียง ทำให้เสียงและภาพตรงกันมากขึ้น เหมาะมากๆ สำหรับคอเกมมือถือที่ต้องการความแม่นยำของเสียง หรือดูหนังออนไลน์แล้วไม่อยากให้เสียงดีเลย์ให้เสียอารมณ์.
  • ฟังเพลงคุณภาพดี: ด้วยการปรับจูนเสียงที่เน้นความชัดเจนของเสียงกลางและเสียงสูง ทำให้หูฟังรุ่นนี้เหมาะกับการฟังเพลงหลากหลายแนว โดยเฉพาะเพลงที่มีเสียงร้องโดดเด่น หรือเพลงบรรเลงที่ต้องการรายละเอียดของเครื่องดนตรี.
  • ควบคุมผ่านแอปฯ Baseus: สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Baseus มาปรับตั้งค่าหูฟังได้เพิ่มเติม เช่น ปรับ EQ หรือตั้งค่าการควบคุมแบบสัมผัส เพื่อให้หูฟังทำงานได้ตรงตามความต้องการและไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้งานมากยิ่งขึ้น.
• กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: วัยรุ่น, คนชอบดีไซน์สวย, คอเกมมือถือ, ดูหนังออนไลน์, ฟังเพลงทั่วไป, ใช้ในชีวิตประจำวัน

เวอร์ชันบลูทูธ	ประเภทหูฟัง	มี Game Mode ไหม	อายุแบตเตอรี่ (หูฟัง+เคส)	พอร์ตชาร์จ	รองรับแอปฯ
5.2	Earbud (มีก้าน)	มี	สูงสุด 25 ชั่วโมง	USB Type-C	รองรับแอปฯ Baseus

3. Haylou GT6

• ชื่อแบรนด์: Haylou (เฮย์โล่ว)
• ชื่อสินค้า: GT6
• ราคาสินค้า: ประมาณ 400 - 600 บาท
• คำอธิบายสินค้า: Haylou GT6 คืออีกหนึ่งตัวเลือกยอดฮิตในกลุ่มหูฟัง True Wireless ราคาประหยัด ด้วยราคาที่เข้าถึงง่ายสุดๆ แต่ได้สเปคที่คุ้มเกินตัว มาพร้อม Bluetooth 5.2 และ Low-Latency Mode ทำให้การเชื่อมต่อรวดเร็วและมีความหน่วงต่ำ เหมาะสำหรับใช้ดูวิดีโอ เล่นเกม หรือฟังเพลงทั่วไป ตัวหูฟังมีน้ำหนักเบา ใส่สบาย ให้เสียงที่เป็นธรรมชาติ ฟังสบายหู เหมาะกับคนที่ต้องการหูฟังไร้สายพื้นฐานที่ดีในราคาที่ถูกมากๆ หรือจะซื้อเป็นหูฟังสำรองก็ยังได้.
• จุดเด่นสินค้า: ราคาถูกมากๆ, Bluetooth 5.2, Low-Latency Mode, น้ำหนักเบา, เสียงฟังสบาย
• ฟังก์ชันการใช้งาน:
  • โหมดความหน่วงต่ำ: ช่วยให้เสียงซิงค์กับภาพได้ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เวลาดูซีรีส์เกาหลี ซีรีส์จีนบนแอปฯ สตรีมมิ่งยอดนิยม หรือเล่นเกม PubG, Free Fire ก็ไม่รู้สึกว่าเสียงดีเลย์จนหงุดหงิด ทำให้ได้รับประสบการณ์ที่ลื่นไหลมากขึ้น.
  • ฟังเพลงทั่วไป: ให้คุณภาพเสียงที่เหมาะสมกับราคา เน้นโทนเสียงที่เป็นธรรมชาติ ฟังได้เรื่อยๆ เหมาะกับเพลงแนว Pop, Acoustic หรือ Podcast ที่ไม่เน้นรายละเอียดเสียงที่ซับซ้อนมากนัก สามารถใช้ฟังเพลงระหว่างเดินทางไปทำงานหรือเรียนได้อย่างเพลิดเพลิน.
  • ควบคุมด้วยระบบสัมผัส: สามารถควบคุมการเล่นเพลง, หยุดเพลง, ข้ามเพลง, ย้อนเพลง หรือรับ/วางสายโทรศัพท์ได้ด้วยการแตะที่ตัวหูฟัง ทำให้ใช้งานได้สะดวกและรวดเร็วในสถานการณ์ต่างๆ โดยไม่ต้องหยิบสมาร์ทโฟนออกจากกระเป๋า.
• กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: ผู้ที่งบน้อยมาก, ต้องการหูฟังพื้นฐานที่ดี, ดูวิดีโอ, เล่นเกมที่ไม่ต้องการความแม่นยำสูงมาก, ฟังเพลงเบาๆ, ใช้เป็นหูฟังสำรอง

เวอร์ชันบลูทูธ	ประเภทหูฟัง	มี Low Latency	อายุแบตเตอรี่ (หูฟัง+เคส)	น้ำหนักหูฟังต่อข้าง	พอร์ตชาร์จ
5.2	Earbud (มีก้าน)	มี	สูงสุด 18 ชั่วโมง	ประมาณ 3.9 กรัม	USB Type-C

4. QCY T1C

• ชื่อแบรนด์: QCY (คิวซีวาย)
• ชื่อสินค้า: T1C
• ราคาสินค้า: ประมาณ 400 - 600 บาท
• คำอธิบายสินค้า: QCY T1C คือหูฟัง True Wireless ในตำนานของตลาดราคาไม่เกินพัน ที่ได้รับความนิยมมาอย่างต่อเนื่อง ด้วยขนาดที่เล็กกะทัดรัด ดีไซน์แบบ In-Ear ที่ช่วยป้องกันเสียงรบกวนภายนอกได้ดีในระดับหนึ่ง ให้เสียงเบสที่แน่นหนัก ฟังสนุก เหมาะกับสายที่ชอบฟังเพลงแนว Pop, Rock หรือ EDM มาพร้อม Bluetooth 5.0 และความเสถียรในการเชื่อมต่อที่ดีเยี่ยมสำหรับราคาเท่านี้ ใช้งานง่าย ไม่มีปุ่มควบคุมที่ตัวหูฟัง แต่ใช้การสัมผัสแทน เหมาะกับคนที่ชอบหูฟังขนาดเล็ก พกพาง่าย และเน้นเสียงเบสเป็นพิเศษ.
• จุดเด่นสินค้า: ราคาถูกมาก, ขนาดเล็กกะทัดรัด, เสียงเบสแน่น, กันเสียงภายนอกได้ดี (In-Ear), การเชื่อมต่อเสถียร
• ฟังก์ชันการใช้งาน:
  • ฟังเพลงเน้นเบส: หากคุณเป็นสายเบสที่ชอบความตึ้บตับของเสียงเพลง หูฟังรุ่นนี้ตอบโจทย์ได้ดี ด้วยเสียงเบสที่ให้มาหนักแน่นเกินราคา ทำให้การฟังเพลงแนว EDM, Hip Hop หรือเพลง Pop ที่มีจังหวะสนุกๆ ได้อรรถรสมากยิ่งขึ้น.
  • ป้องกันเสียงรบกวนพื้นฐาน: ด้วยดีไซน์แบบ In-Ear พร้อมจุกซิลิโคน ทำให้ช่วยป้องกันเสียงรบกวนจากภายนอกได้ในระดับหนึ่ง เหมาะกับการใช้งานในสถานที่ที่ไม่ได้มีเสียงดังมาก เช่น บนรถโดยสารประจำทาง หรือในร้านกาแฟ ช่วยให้มีสมาธิกับการฟังเพลงหรือ Podcast.
  • พกพาสะดวก: เคสชาร์จมีขนาดเล็กและน้ำหนักเบามากๆ สามารถพกพาใส่กระเป๋ากางเกงหรือกระเป๋าเสื้อได้อย่างสบายๆ ไม่เปลืองพื้นที่ เหมาะสำหรับคนที่ต้องเดินทางบ่อยๆ และต้องการหูฟังที่พร้อมใช้งานได้ทุกเมื่อ.
• กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: ผู้ที่งบน้อย, ชอบเสียงเบสหนัก, พกพาสะดวก, ใช้เดินทาง, ฟังเพลงในที่เสียงไม่ดังมาก

เวอร์ชันบลูทูธ	ประเภทหูฟัง	เสียง	อายุแบตเตอรี่ (หูฟัง+เคส)	ขนาดเคสชาร์จ	การควบคุม
5.0	In-Ear	เน้นเบส	สูงสุด 20 ชั่วโมง	เล็กกะทัดรัด	ระบบสัมผัส

5. AIWA AT-X80Q

• ชื่อแบรนด์: AIWA (ไอว่า)
• ชื่อสินค้า: AT-X80Q
• ราคาสินค้า: ประมาณ 700 - 990 บาท
• คำอธิบายสินค้า: AIWA AT-X80Q เป็นอีกรุ่นที่น่าจับตาในกลุ่มราคาไม่เกินพัน ด้วยชื่อแบรนด์เก่าแก่อย่าง AIWA ที่กลับมาทำตลาดอีกครั้ง มาพร้อมดีไซน์สวยงาม ฟังก์ชันครบครันเกินราคา โดยเฉพาะเรื่องคุณภาพเสียงที่หลายคนชื่นชอบ ให้เสียงที่บาลานซ์ดี ฟังสบาย รายละเอียดครบถ้วน มีโหมดตัดเสียงรบกวน (ANC) มาให้ด้วย! แม้จะไม่เทียบเท่ารุ่นแพงๆ แต่ก็ช่วยลดเสียงรบกวนได้ในระดับหนึ่ง เหมาะกับคนที่ต้องการหูฟังที่ให้คุณภาพเสียงที่ดี มีฟังก์ชัน ANC ในราคาไม่ถึงพัน และชอบแบรนด์ที่มีชื่อเสียง.
• จุดเด่นสินค้า: มี ANC (Active Noise Cancelling), คุณภาพเสียงบาลานซ์ดี, ดีไซน์สวยงาม, ฟังก์ชันครบ, แบรนด์น่าเชื่อถือ
• ฟังก์ชันการใช้งาน:
  • ระบบตัดเสียงรบกวน (ANC): ฟังก์ชันนี้เป็นจุดเด่นที่หาได้ยากในหูฟังราคาระดับนี้ ช่วยลดเสียงรบกวนความถี่ต่ำ เช่น เสียงเครื่องยนต์ เสียงแอร์ ทำให้มีสมาธิกับการฟังเพลงหรือ Podcast มากขึ้น เหมาะสำหรับใช้งานบนรถไฟฟ้า หรือในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงรบกวนเบาๆ.
  • โหมดฟังเสียงรอบข้าง (Transparency Mode): ตรงข้ามกับ ANC โหมดนี้จะช่วยให้ได้ยินเสียงจากภายนอกผ่านเข้ามาได้ โดยไม่ต้องถอดหูฟังออก เหมาะสำหรับการเดินบนถนนที่ต้องการได้ยินเสียงรถ หรือเวลาสั่งกาแฟที่ร้าน สะดวกและปลอดภัย.
  • คุณภาพเสียงระดับมาตรฐาน: ให้เสียงที่ค่อนข้างสมดุล ฟังได้หลากหลายแนวเพลง ไม่เน้นเบสหนักจนเกินไป หรือเสียงแหลมบาดหู ทำให้การฟังเพลงเป็นไปอย่างเพลิดเพลิน ไม่ว่าจะฟังเพลงไทย เพลงสากล หรือ Podcast ก็ได้คุณภาพเสียงที่ดีเหมาะสมกับราคา.
• กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: ผู้ที่ต้องการ ANC ในงบจำกัด, ฟังเพลงหลากหลายแนว, ใช้เดินทาง, ใช้งานในออฟฟิศหรือสถานที่ที่มีเสียงรบกวนไม่มาก

เวอร์ชันบลูทูธ	ประเภทหูฟัง	มี ANC ไหม	อายุแบตเตอรี่ (หูฟัง+เคส)	คุณภาพเสียง	พอร์ตชาร์จ
5.1	In-Ear	มี (ระดับเริ่มต้น)	สูงสุด 20 ชั่วโมง	บาลานซ์ดี	USB Type-C

6. Soundpeats MAC

• ชื่อแบรนด์: Soundpeats (ซาวด์พีทส์)
• ชื่อสินค้า: MAC
• ราคาสินค้า: ประมาณ 700 - 900 บาท
• คำอธิบายสินค้า: Soundpeats MAC เป็นอีกรุ่นที่เน้นความคุ้มค่าในราคาไม่เกินพัน มาพร้อมดีไซน์แบบ In-Ear ที่สวมใส่กระชับ ไม่หลุดง่าย เหมาะสำหรับใส่ออกกำลังกาย หรือทำกิจกรรมต่างๆ จุดเด่นคือคุณภาพเสียงที่ดีเกินราคา ให้เสียงเบสที่หนักแน่นกำลังดี เสียงกลางชัดเจน ฟังสนุก มาตรฐานกันน้ำ IPX7 ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องเหงื่อหรือละอองน้ำ รองรับ Bluetooth 5.0 ใช้งานได้ยาวนาน เหมาะกับสายออกกำลังกาย หรือคนที่ต้องการหูฟังที่ทนทาน กันน้ำได้ดี และให้เสียงที่ฟังสนุก.
• จุดเด่นสินค้า: กันน้ำ IPX7, สวมใส่กระชับ, เสียงเบสดีฟังสนุก, แบตเตอรี่อึด, ทนทานเหมาะกับกิจกรรม
• ฟังก์ชันการใช้งาน:
  • กันน้ำระดับ IPX7: ความสามารถในการกันน้ำระดับนี้ทำให้หูฟังสามารถทนทานต่อเหงื่อจากการออกกำลังกายหนักๆ หรือละอองฝนได้สบายๆ ไม่ต้องกลัวว่าหูฟังจะเสียหายจากความชื้น เหมาะสำหรับสายฟิตเนส วิ่ง หรือทำกิจกรรมกลางแจ้ง.
  • สวมใส่กระชับมั่นคง: ดีไซน์แบบ In-Ear พร้อมจุกหูฟังหลายขนาด ช่วยให้เลือกขนาดที่พอดีกับช่องหูได้ ทำให้สวมใส่ได้กระชับ ไม่หลุดง่าย แม้จะเคลื่อนไหวร่างกายอย่างรวดเร็วขณะออกกำลังกาย หรือทำกิจกรรมที่ต้องมีการเคลื่อนไหวเยอะๆ.
  • ฟังเพลงระหว่างออกกำลังกาย: ด้วยคุณภาพเสียงที่ให้เบสหนักแน่นฟังสนุก ช่วยเพิ่มแรงกระตุ้นและทำให้การออกกำลังกายไม่น่าเบื่อ สามารถเพลิดเพลินไปกับเพลย์ลิสต์เพลงโปรดได้อย่างเต็มที่ตลอดการออกกำลังกาย.
• กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: นักกีฬา, คนชอบออกกำลังกาย, กิจกรรมกลางแจ้ง, ต้องการหูฟังกันน้ำ, ชอบเสียงเบสฟังสนุก

เวอร์ชันบลูทูธ	ประเภทหูฟัง	การกันน้ำ/กันฝุ่น	อายุแบตเตอรี่ (หูฟัง+เคส)	เหมาะกับการใช้งาน	เสียง
5.0	In-Ear	IPX7	สูงสุด 60 ชั่วโมง	ออกกำลังกาย	เน้นเบสกำลังดี

7. Lenovo LP7

• ชื่อแบรนด์: Lenovo (เลอโนโว่)
• ชื่อสินค้า: LP7
• ราคาสินค้า: ประมาณ 500 - 700 บาท
• คำอธิบายสินค้า: Lenovo LP7 เป็นหูฟัง True Wireless ที่เน้นตอบโจทย์สายออกกำลังกายโดยเฉพาะ ด้วยดีไซน์แบบเกี่ยวหู (Ear Hook) ที่ช่วยให้สวมใส่ได้มั่นคง ไม่หลุดง่าย แม้จะออกกำลังกายหนักหน่วง มาตรฐานกันน้ำกันเหงื่อ IPX5 ทำให้ใช้งานได้อย่างไร้กังวลเรื่องเหงื่อ ให้เสียงที่หนักแน่น ฟังสนุก เหมาะกับเพลงแนวที่เน้นจังหวะและเบส การเชื่อมต่อ Bluetooth 5.0 เสถียร ใช้งานได้ยาวนาน เหมาะกับคนที่ชอบออกกำลังกายและต้องการหูฟังที่กระชับแน่น ไม่ต้องกลัวหลุด.
• จุดเด่นสินค้า: ดีไซน์เกี่ยวหูมั่นคง, กันน้ำกันเหงื่อ IPX5, เหมาะกับออกกำลังกายหนักๆ, เสียงหนักแน่นฟังสนุก, ไม่ต้องกลัวหลุด
• ฟังก์ชันการใช้งาน:
  • สวมใส่ขณะออกกำลังกายหนัก: ด้วยดีไซน์แบบเกี่ยวหูที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ ทำให้หูฟังรุ่นนี้ยึดเกาะกับใบหูได้อย่างมั่นคง ไม่ว่าจะวิ่ง กระโดด หรือเล่นกีฬาที่ต้องมีการเคลื่อนไหวรุนแรง ก็ไม่ต้องกังวลว่าหูฟังจะหลุดออกจากหู ทำให้มีสมาธิกับการออกกำลังกายได้อย่างเต็มที่.
  • ทนทานต่อเหงื่อและละอองน้ำ: มาตรฐานกันน้ำกันเหงื่อ IPX5 ช่วยป้องกันความเสียหายจากเหงื่อที่เกิดจากการออกกำลังกาย หรือละอองฝนที่อาจเจอระหว่างทำกิจกรรมกลางแจ้ง ทำให้สามารถใช้งานหูฟังได้อย่างสบายใจในทุกสภาพอากาศและทุกกิจกรรม.
  • ฟังเพลงสร้างแรงบันดาลใจ: คุณภาพเสียงที่หนักแน่น ฟังสนุก เหมาะกับเพลงแนว Pop, Rock หรือ EDM ช่วยเพิ่มพลังและแรงบันดาลใจในการออกกำลังกาย ทำให้รู้สึกสนุกและไม่เหนื่อยล้าจนเกินไป สามารถเพลิดเพลินไปกับเสียงเพลงคู่ใจได้ตลอดเซสชันออกกำลังกาย.
• กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: นักกีฬา, คนชอบออกกำลังกายหนัก, กิจกรรมกลางแจ้ง, ต้องการหูฟังที่กระชับมั่นคง, ชอบเสียงเพลงจังหวะเร็ว

เวอร์ชันบลูทูธ	ประเภทหูฟัง	การกันน้ำ/กันฝุ่น	ดีไซน์	เหมาะกับการใช้งาน	เสียง
5.0	In-Ear (เกี่ยวหู)	IPX5	Ear Hook	ออกกำลังกายหนัก	หนักแน่น

8. QCY T18

• ชื่อแบรนด์: QCY (คิวซีวาย)
• ชื่อสินค้า: T18 (Melobuds)
• ราคาสินค้า: ประมาณ 800 - 990 บาท
• คำอธิบายสินค้า: QCY T18 หรือที่รู้จักกันในชื่อ Melobuds เป็นรุ่นที่อัปเกรดขึ้นมาจาก T1C เน้นคุณภาพเสียงที่ดีขึ้นและฟังก์ชันที่ครบครันกว่าในราคาที่ยังอยู่ในงบไม่เกินพัน มาพร้อม Bluetooth 5.2 และ Qualcomm aptX Adaptive (ขึ้นอยู่กับรุ่นย่อย) ที่ช่วยให้คุณภาพเสียงดีขึ้น มี ENC ไมโครโฟนช่วยให้คุยโทรศัพท์ชัดเจนขึ้นในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงรบกวน ดีไซน์แบบ In-Ear ใส่สบาย เหมาะกับคนที่ต้องการหูฟังคุณภาพเสียงดีขึ้น มีไมค์คุยชัด และรองรับ Codec คุณภาพสูงในราคาที่จับต้องได้.
• จุดเด่นสินค้า: คุณภาพเสียงดีขึ้น, มี ENC ไมโครโฟน, รองรับ aptX Adaptive (บางรุ่นย่อย), Bluetooth 5.2, ไมค์คุยชัดเจน
• ฟังก์ชันการใช้งาน:
  • สนทนาคมชัดด้วย ENC ไมโครโฟน: เทคโนโลยี ENC (Environmental Noise Cancellation) ช่วยลดเสียงรบกวนรอบข้างขณะสนทนา ทำให้ปลายสายได้ยินเสียงพูดของเราชัดเจนมากขึ้น แม้จะอยู่ในที่ที่มีเสียงดัง เช่น ตลาดนัด หรือริมถนน ทำให้การคุยงานหรือคุยธุระสำคัญเป็นไปอย่างราบรื่น.
  • ฟังเพลงคุณภาพสูง (สำหรับรุ่นรองรับ aptX Adaptive): Codec คุณภาพสูงอย่าง aptX Adaptive (หากมีในรุ่นย่อยที่เลือก) ช่วยให้สามารถฟังเพลงที่มีรายละเอียดเสียงได้ใกล้เคียงกับต้นฉบับมากขึ้น เหมาะสำหรับคนที่ชื่นชอบการฟังเพลงและต้องการคุณภาพเสียงที่ดีที่สุดในงบประมาณนี้.
  • เชื่อมต่อเสถียรและรวดเร็ว: ด้วย Bluetooth 5.2 ช่วยให้การเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนหรืออุปกรณ์อื่นๆ มีความเสถียรมากขึ้น ลดปัญหาการหลุดหรือกระตุกของเสียง ทำให้ใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะดูหนัง ฟังเพลง หรือคุยโทรศัพท์.
• กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: ผู้ที่ต้องการคุณภาพเสียงและไมค์ที่ดีขึ้น, คุยโทรศัพท์บ่อย, ฟังเพลงที่เน้นรายละเอียด, ใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวัน

เวอร์ชันบลูทูธ	ประเภทหูฟัง	มี ENC ไมค์ไหม	รองรับ Codec	อายุแบตเตอรี่ (หูฟัง+เคส)	คุณภาพเสียง
5.2	In-Ear	มี	SBC, AAC, aptX Adaptive (บางรุ่นย่อย)	สูงสุด 20 ชั่วโมง	ดีขึ้นกว่ารุ่นเล็ก

9. Soundcore R50i

• ชื่อแบรนด์: Soundcore by Anker (ซาวด์คอร์ บาย แองเกอร์)
• ชื่อสินค้า: R50i
• ราคาสินค้า: ประมาณ 800 - 990 บาท
• คำอธิบายสินค้า: Soundcore R50i จาก Anker เป็นหูฟัง True Wireless ที่ได้รับคำชมอย่างมากในเรื่องคุณภาพเสียงที่ "เกินราคา" สุดๆ โดยเฉพาะเสียงเบสที่แน่น ทรงพลัง ฟังสนุก เหมาะกับคนชอบฟังเพลงแนว Hip Hop, EDM หรือเพลง Pop ที่เน้นจังหวะ มาพร้อม Bluetooth 5.3 การเชื่อมต่อเสถียร มี EQ ให้ปรับในแอปฯ ได้ถึง 22 แบบ! ดีไซน์ In-Ear สวมใส่สบาย กันน้ำ IPX5 เหมาะกับคนที่เน้นคุณภาพเสียงโดยเฉพาะเสียงเบส และต้องการหูฟังที่มีแอปพลิเคชันปรับแต่งเสียงได้.
• จุดเด่นสินค้า: คุณภาพเสียงดีเยี่ยม (เน้นเบส), ปรับ EQ ได้ 22 แบบในแอปฯ, Bluetooth 5.3, กันน้ำ IPX5, แบรนด์น่าเชื่อถือ
• ฟังก์ชันการใช้งาน:
  • ปรับแต่งเสียงผ่านแอปฯ Soundcore: สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Soundcore มาปรับตั้งค่าเสียงได้ละเอียด มี EQ ให้เลือกถึง 22 แบบ หรือจะปรับเองตามความชอบก็ได้ เหมาะสำหรับคนที่ชอบทดลองปรับจูนเสียงให้เข้ากับแนวเพลงที่ฟัง หรือความชอบส่วนตัว.
  • เสียงเบสทรงพลัง: หากคุณคือ Bass Head ตัวจริง หูฟังรุ่นนี้คือคำตอบ ด้วยไดรเวอร์ที่ให้เสียงเบสหนักแน่น ทรงพลัง Impact ดี ทำให้การฟังเพลงแนวที่เน้นเสียงต่ำเป็นเรื่องสนุกและได้อรรถรสอย่างเต็มที่ เหมือนมีลำโพงพกพาอยู่ในหู.
  • กันน้ำสำหรับการใช้งานทั่วไป: มาตรฐานกันน้ำ IPX5 ช่วยป้องกันละอองน้ำ เหงื่อ หรือฝนปรอยๆ ได้ ทำให้สามารถใช้งานหูฟังในชีวิตประจำวันได้อย่างมั่นใจ ไม่ว่าจะใส่เดินกลางฝนเบาๆ หรือใส่ออกกำลังกายเบาๆ ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องความชื้น.
• กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: ผู้ที่เน้นคุณภาพเสียง (โดยเฉพาะเบส), ชอบปรับแต่งเสียง, ใช้ในชีวิตประจำวัน, ออกกำลังกายเบาๆ

เวอร์ชันบลูทูธ	ประเภทหูฟัง	การกันน้ำ/กันฝุ่น	ปรับ EQ ได้ไหม	อายุแบตเตอรี่ (หูฟัง)	คุณภาพเสียง
5.3	In-Ear	IPX5	ได้ (22+ แบบในแอปฯ)	สูงสุด 10 ชั่วโมง	ดีเยี่ยม (เน้นเบส)

10. Edifier X2S

• ชื่อแบรนด์: Edifier (เอดิไฟเออร์)
• ชื่อสินค้า: X2S
• ราคาสินค้า: ประมาณ 700 - 900 บาท
• คำอธิบายสินค้า: Edifier X2S เป็นหูฟัง True Wireless แบบ Earbud ที่มาพร้อมดีไซน์มินิมอล น่ารัก ถูกใจหลายๆ คน ใส่สบาย ไม่อึดอัด จุดเด่นคือคุณภาพเสียงที่ฟังสบาย ให้เสียงกลางและเสียงแหลมที่ชัดเจน รายละเอียดดี เหมาะกับคนที่ชอบฟังเพลงแนว Pop, Jazz หรือ Acoustic ที่เน้นเสียงร้อง มาพร้อม Bluetooth 5.3 มี Low Latency Mode และไมค์ AI ช่วยให้คุยโทรศัพท์ชัดขึ้น เหมาะกับคนที่ชอบหูฟังดีไซน์ Earbud ใส่สบาย เสียงดีฟังสบาย และต้องการไมค์ที่คุยชัดในระดับหนึ่ง.
• จุดเด่นสินค้า: ดีไซน์ Earbud มินิมอล, ใส่สบายไม่อึดอัด, เสียงดีฟังสบาย, ไมค์ AI คุยชัดขึ้น, Bluetooth 5.3
• ฟังก์ชันการใช้งาน:
  • ใส่สบายตลอดวัน: ด้วยดีไซน์แบบ Earbud ที่ไม่มีจุกซิลิโคนสอดเข้าไปในช่องหู ทำให้รู้สึกโล่งสบาย ไม่อึดอัด สามารถใส่ฟังเพลงหรือประชุมออนไลน์ได้ยาวนานหลายชั่วโมงโดยไม่รู้สึกเมื่อยล้า เหมาะสำหรับคนที่ชอบหูฟังทรงนี้ หรือคนที่มีปัญหาใส่หูฟังแบบ In-Ear แล้วรู้สึกไม่สบาย.
  • คุณภาพเสียงฟังสบายหู: ให้โทนเสียงที่เน้นความสมดุล เสียงกลางและเสียงแหลมมีความชัดเจน ทำให้การฟังเพลงแนวที่เน้นเสียงร้อง เครื่องดนตรีอะคูสติก หรือ Podcast เป็นไปอย่างเพลิดเพลิน ไม่รู้สึกว่าเสียงเบสหนักหรือเสียงแหลมบาดหูจนเกินไป.
  • ไมโครโฟนพร้อม AI Algorithm: มีระบบ AI ช่วยในการประมวลผลเสียงพูด ทำให้เสียงพูดของเราชัดเจนมากขึ้นเมื่อคุยโทรศัพท์ โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อม Indoor ที่ไม่ได้มีเสียงรบกวนดังมาก ทำให้การสนทนาทางโทรศัพท์มีความราบรื่นขึ้น.
• กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: ผู้ที่ชอบหูฟังทรง Earbud, ต้องการความสบายในการสวมใส่, ฟังเพลงแนวฟังสบาย, คุยโทรศัพท์บ่อย (ในที่เสียงไม่ดังมาก), ใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวัน

เวอร์ชันบลูทูธ	ประเภทหูฟัง	ดีไซน์	มี Low Latency	ไมค์	อายุแบตเตอรี่ (หูฟัง+เคส)
5.3	Earbud	มินิมอล	มี	AI Algorithm	สูงสุด 24 ชั่วโมง

คำแนะนำการเลือกซื้อหูฟัง True Wireless ราคาไม่เกิน 1000 บาท

• 1. กำหนดความต้องการใช้งานและสไตล์เสียงที่ชอบก่อนเลย!
  ก่อนจะพุ่งตัวไปช้อป หายใจลึกๆ แล้วถามตัวเองก่อนว่า "เราจะใช้หูฟังตัวนี้ทำอะไรเป็นหลัก?" เน้นฟังเพลงแนวไหน? ชอบเบสหนักๆ ตึ้บตับ หรือชอบเสียงใสๆ ฟังสบายๆ เน้นคุยโทรศัพท์ หรือเน้นดูหนังเล่นเกม? หรือจะเอาไว้ใส่ออกกำลังกายลุยๆ? เพราะหูฟังราคาไม่เกินพันบาท แต่ละรุ่นก็มีจุดเด่นที่แตกต่างกันไป บางรุ่นเสียงเบสดีมาก แต่อาจจะไม่เหมาะกับคนชอบฟังเพลงคลาสสิก บางรุ่นไมค์โคตรชัด แต่เสียงเพลงอาจจะไม่ได้เทพเท่ารุ่นที่เน้นฟังเพลงจ๋าๆ ถ้าเรารู้ความต้องการของตัวเองชัดเจน จะช่วยจำกัดวงตัวเลือกให้แคบลง ไม่ต้องมานั่งปวดหัวว่าจะเลือกรุ่นไหนดี เพราะในงบหลักร้อยนี้ ฟังก์ชันเทพๆ แบบจัดเต็มเหมือนรุ่นหลักพันหลักหมื่นอาจจะยังไม่มี แต่เราสามารถเลือกรุ่นที่เด่นในด้านที่เราต้องการที่สุดได้ไงล่ะ เช่น ถ้าเป็นสายออกกำลังกาย ก็ต้องมองหารุ่นที่มีมาตรฐานกันน้ำกันเหงื่อดีๆ ใส่ออกกำลังกายได้มั่นคง ไม่หลุดง่าย หรือถ้าเน้นคุยโทรศัพท์ ก็ต้องดูรุ่นที่มีระบบตัดเสียงรบกวนไมค์ หรือมี ENC ที่ช่วยให้เสียงเราชัดเจนขึ้นเวลาคุยกับปลายสาย ส่วนเรื่องสไตล์เสียงอันนี้แล้วแต่ความชอบส่วนบุคคลเลยจ้า ถ้าชอบเบสหนักๆ ก็มองหารุ่นที่ระบุว่ามี "Extra Bass" หรือ "Deep Bass" แต่ถ้าชอบเสียงใสๆ ฟังสบายๆ ก็ลองหารีวิวที่พูดถึงเสียงกลางและเสียงแหลมที่ชัดเจน การกำหนดความต้องการก่อนช้อป เหมือนมีแผนที่นำทางในมหาสมุทรหูฟังอันกว้างใหญ่ ทำให้เราไม่หลงทางและเจอ "เนื้อคู่" หูฟังที่ใช่ในที่สุด ยังไงก็อย่าลืมเผื่อใจไว้นิดนึงว่าในงบนี้อาจจะต้องยอมแลกบางฟังก์ชันที่เราไม่ได้ใช้บ่อยๆ ไป เพื่อให้ได้ฟังก์ชันที่เราต้องการจริงๆ ในคุณภาพที่ดีที่สุดสำหรับงบประมาณนี้จ้า.
• 2. เช็คสเปคพื้นฐานที่สำคัญ และมาตรฐานการเชื่อมต่อให้ดี!
  พอรู้แล้วว่าจะเอาไปทำอะไร ต่อมาก็ต้องมาดู "ไส้ใน" ของหูฟังกันหน่อย เรื่องสเปคพื้นฐานนี่สำคัญไม่แพ้เรื่องเสียงเลยนะ โดยเฉพาะเวอร์ชัน Bluetooth ยุคนี้ปี 2025 แล้ว อย่างน้อยๆ ควรจะเป็น Bluetooth 5.0 ขึ้นไปนะจ๊ะ เพราะเวอร์ชันใหม่ๆ จะช่วยให้การเชื่อมต่อเสถียรขึ้น ประหยัดแบตเตอรี่มากขึ้น และมีความหน่วงต่ำลง เหมาะกับการดูหนังฟังเพลงและเล่นเกมในระดับหนึ่ง ถ้าเจอที่เป็น Bluetooth 5.2 หรือ 5.3 ยิ่งดีเลย การเชื่อมต่อที่เสถียรหมายถึงการฟังเพลงแบบไม่สะดุด คุยโทรศัพท์เสียงไม่ขาดๆ หายๆ ดูหนังแล้วเสียงไม่ดีเลย์ให้หงุดหงิด ส่วนเรื่องแบตเตอรี่ อันนี้แล้วแต่คนใช้เลย บางคนใช้แค่วันละ 2-3 ชั่วโมง รุ่นไหนก็เอาอยู่ แต่ถ้าเป็นสายใช้งานยาวๆ ต้องดูรุ่นที่ให้แบตเตอรี่รวมเคสชาร์จได้เยอะๆ หน่อย อย่างน้อย 20 ชั่วโมงอัพก็จะสบายใจกว่า ไม่ต้องชาร์จบ่อยๆ เรื่องมาตรฐานการกันน้ำกันฝุ่นก็สำคัญนะ โดยเฉพาะถ้าเราเป็นคนขี้ร้อน เหงื่อเยอะ หรือต้องใช้งานในสภาพอากาศที่ไม่แน่นอน อย่างน้อยควรมี IPX4 ขึ้นไป ซึ่งหมายถึงกันละอองน้ำและเหงื่อได้ ถ้ามี IPX5, IPX6 หรือ IPX7 ยิ่งสบายใจหายห่วง ใช้ลุยได้มากขึ้น (แต่จำไว้ว่ากันน้ำกันเหงื่อ ไม่ได้หมายถึงเอาไปแช่น้ำนะจ๊ะ!) นอกจากนี้ ลองดูว่าหูฟังรุ่นนั้นรองรับ Codec อะไรบ้าง หลักๆ ก็จะมี SBC และ AAC ซึ่งสองตัวนี้มีอยู่แล้วในหูฟังส่วนใหญ่ แต่ถ้ารุ่นไหนรองรับ aptX หรือ LDAC ด้วย (ซึ่งในงบไม่เกินพันอาจจะหายากหน่อย) ก็จะช่วยให้คุณภาพเสียงดีขึ้นไปอีกขั้น แต่ถ้าไม่ซีเรียสมาก สองตัวแรกก็เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไปแล้วจ้า การดูสเปคเหมือนการอ่านฉลากก่อนซื้อของกิน จะได้รู้ว่าสิ่งที่เราจะได้มามีอะไรบ้าง ดีพอสำหรับเราหรือเปล่า.
• 3. อย่าเพิ่งเชื่อรีวิวคนเดียว! ส่องรีวิวจากหลายๆ ที่ โดยเฉพาะรีวิวจากผู้ใช้จริงในไทย!
  ยุคแห่งการช้อปออนไลน์แบบนี้ "รีวิว" คือเพื่อนแท้! แต่อย่าเพิ่งเชื่อรีวิวจากแหล่งเดียว หรือเชื่อรีวิวที่เป็นสปอนเซอร์ไปซะหมดนะจ๊ะ เราต้องเป็นนักสืบโซเชียลที่ดี! ลองหารีวิวจากหลายๆ แพลตฟอร์ม ทั้งในแอปฯ ช้อปปิ้งที่เราจะซื้อ (Shopee, Lazada) ในเว็บไซต์รีวิวต่างๆ หรือในกลุ่ม Facebook เกี่ยวกับหูฟัง ลองอ่านคอมเมนต์จากผู้ใช้จริงในไทยดูเยอะๆ เพราะคนไทยด้วยกันนี่แหละที่จะบอกเล่าประสบการณ์การใช้งานจริงในสภาพแวดล้อมแบบไทยๆ ได้ดีที่สุด เช่น คุณภาพไมค์เวลาคุยในที่เสียงดังๆ อย่างตลาดนัด หรือบนรถไฟฟ้า (อันนี้สำคัญมากสำหรับคนไทย!), ความเสถียรของการเชื่อมต่อในพื้นที่ที่มีสัญญาณรบกวนเยอะๆ, ความทนทานในการใช้งานจริง, ปัญหาที่พบบ่อยๆ หรือแม้กระทั่งความรู้สึกในการสวมใส่ที่อาจจะแตกต่างกันไปในแต่ละคน (หูเล็กหูใหญ่ก็มีผลนะจ๊ะ!) ลองดูรีวิวที่เป็นวิดีโอด้วยก็ดี จะได้เห็นหน้าตาหูฟังของจริง วิธีการใช้งาน หรือบางทีเขาก็มีทดสอบคุณภาพเสียงหรือคุณภาพไมค์ให้ฟังด้วยนะ การดูรีวิวจากผู้ใช้จริงจะช่วยให้เราเห็นภาพรวมของหูฟังรุ่นนั้นๆ ได้ชัดเจนขึ้น ทั้งข้อดีข้อเสียที่อาจจะไม่ถูกพูดถึงในโฆษณา ทำให้เราตัดสินใจได้ง่ายขึ้นและลดโอกาสที่จะได้สินค้าที่ไม่ตรงปก หรือไม่ตรงกับความคาดหวังของเรา อย่าลืมดูคะแนนรีวิวโดยรวมและจำนวนคนที่รีวิวด้วยนะ ยิ่งคนรีวิวเยอะและคะแนนดี ก็ยิ่งน่าเชื่อถือมากขึ้น เปรียบเสมือนการถามเพื่อน ถามคนรู้จักก่อนซื้อของ จะได้ข้อมูลที่หลากหลายและรอบด้านจ้า.

คำถามพบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับหูฟัง True Wireless ราคาไม่เกิน 1000 บาท

• Q: หูฟัง True Wireless ราคาไม่เกิน 1000 บาท เสียงดีจริงไหม?
  A: จริงค่ะ! ในปี 2025 เทคโนโลยีพัฒนาไปมาก ทำให้หูฟัง True Wireless ในราคาหลักร้อยมีคุณภาพเสียงที่ดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนมากๆ หลายรุ่นให้เสียงที่ฟังสนุก คมชัดเกินราคา โดยเฉพาะถ้าเลือกตามสไตล์เสียงที่ชอบ แต่คุณภาพเสียงโดยรวมอาจจะยังไม่เทียบเท่ารุ่นราคาสูงๆ ที่ใช้วัสดุและเทคโนโลยีขั้นกว่าค่ะ.
• Q: คุณภาพไมค์ของหูฟังราคาไม่เกิน 1000 บาท ใช้คุยโทรศัพท์ได้ดีแค่ไหน?
  A: คุณภาพไมค์ของหูฟังราคาไม่เกิน 1000 บาท ส่วนใหญ่จะใช้คุยโทรศัพท์ในสภาพแวดล้อมที่เงียบหรือมีเสียงรบกวนไม่มากได้ค่อนข้างดีค่ะ แต่ถ้าอยู่ในที่ที่มีเสียงดังมากๆ เช่น ริมถนน ตลาดนัด หรือบนรถไฟฟ้า เสียงพูดของเราอาจจะไม่ชัดเจนเท่าที่ควร เพราะระบบตัดเสียงรบกวนไมค์อาจจะยังไม่เทพเท่ารุ่นแพงๆ แต่ก็เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไปและการคุยสั้นๆ ค่ะ.
• Q: หูฟังราคาไม่เกิน 1000 บาท ทนทานไหม? กันน้ำได้แค่ไหน?
  A: ความทนทานขึ้นอยู่กับวัสดุและการดูแลรักษาค่ะ รุ่นที่มีมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่นตั้งแต่ IPX4 ขึ้นไป จะช่วยให้ทนทานต่อเหงื่อและละอองน้ำได้ดีขึ้น เหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวันและการออกกำลังกายเบาๆ แต่ถ้าต้องการความทนทานสูง หรือใช้ลุยๆ อาจจะต้องดูรุ่นที่ระบุมาตรฐานการกันน้ำที่สูงขึ้น หรือเลือกซื้อจากแบรนด์ที่มีชื่อเสียงและมีการรับประกันที่ดีค่ะ.
• Q: แบตเตอรี่ของหูฟังราคาไม่เกิน 1000 บาท ใช้งานได้นานแค่ไหน?
  A: ส่วนใหญ่หูฟัง True Wireless ในงบนี้จะใช้งานต่อเนื่องได้ประมาณ 4-6 ชั่วโมงต่อการชาร์จหนึ่งครั้งค่ะ และเมื่อรวมกับเคสชาร์จแล้ว จะใช้งานได้รวมประมาณ 18-25 ชั่วโมง ซึ่งเพียงพอสำหรับการใช้งานตลอดทั้งวัน ขึ้นอยู่กับการเปิดฟังก์ชันต่างๆ เช่น Game Mode หรือ ANC (ถ้ามี).

วิดีโอที่เกี่ยวข้อง

• รวมหูฟังไร้สายสุดคุ้มย่าน 1000 บาท ปี 2024 ถูกจัด เด็ดทุกตัว ...
• ซื้อหูฟัง True Wireless งบ 1000 รุ่นไหนดีนะ? - Mercular Editors ...
• 10 อันดับ หูฟังบลูทูธ ยี่ห้อไหนดี 2025
• 5 หูฟัง True Wireless ที่ดีที่สุดในงบ 1000.- ปี 2023
• 10 อันดับสุดยอดหูฟังขายดีประจำปี 2024 | Top 10 Headphones ...