สวัสดีค่าทุกคน! กลับมาเจอกับเม้าท์มอยเรื่อง Gadget คู่ใจสไตล์สายเฮลตี้กันอีกแล้ววว! ช่วงนี้เทรนด์รักสุขภาพในบ้านเราคือมาแรงแซงทุกโค้งจริงๆ นะคะ ไม่ว่าจะเดินไปทางไหนก็เจอแต่คนวิ่ง คนเข้ายิม คนปั่นจักรยานกันเต็มไปหมด ซึ่งแน่นอนว่าการออกกำลังกายมันจะไปสนุกอะไรถ้าไม่มีเสียงเพลงมันส์ๆ เป็นเพื่อนคู่ใจใช่มั้ยล่ะคะ? แต่มันก็จะเฟลสุดๆ ไปเลย ถ้าหูฟังที่เราใส่อยู่ดีๆ ก็หลุดแหมะลงพื้นตอนกำลังเร่งสปีด หรือบางทีเหงื่อเจ้ากรรมก็ทำพิษจนหูฟังพังคามือ! โอ๊ยยย เสียใจกว่าโดนเทอีกนะบอกเลย! 😂
ปัญหานี้จะหมดไปค่ะ! เพราะวันนี้มาดามมีลิสต์ 10 หูฟังออกกำลังกาย ยี่ห้อไหนดี ปี 2025 ที่คัดมาแล้วว่าเด็ดจริง ใส่กระชับ ไม่หลุดง่าย แถมยังกันเหงื่อ กันน้ำได้สบายๆ จะวิ่งมาราธอน ต่อยมวย หรือจะซ้อมเต้นCover เพลงโปรดเหงื่อท่วมตัวแค่ไหนก็เอาอยู่! พร้อมแล้วไปดูกันเลยจ้า!
1. Sony Float Run (WI-OE610)
- ชื่อแบรนด์: Sony
- ชื่อสินค้า: Float Run (WI-OE610)
- ราคาสินค้า: ประมาณ 4,490 - 4,990 บาท
- คำอธิบายสินค้า: Sony Float Run โดดเด่นที่ดีไซน์แบบ Open-Ear ที่ไม่ต้องยัดเข้าไปในรูหู ทำให้ใส่สบาย ระบายอากาศได้ดี ไม่เจ็บหูแม้ออกกำลังกายหนักๆ หรือใส่นานๆ ตัวหูฟังมีน้ำหนักเบาแค่ 33 กรัม ออกแบบตามหลักสรีระศาสตร์ให้เกาะเกี่ยวใบหูได้ดี ทำให้ไม่หลุดง่ายระหว่างเคลื่อนไหว มาพร้อมไดรเวอร์คุณภาพที่ให้เสียงคมชัด เบสกำลังดี ไม่ต้องกังวลเรื่องเสียงรบกวนจากร่างกายขณะวิ่ง และยังกันเหงื่อกันฝุ่นได้สบายๆ
- จุดเด่นสินค้า: ดีไซน์ Open-Ear ใส่สบายไม่อึดอัด、น้ำหนักเบามาก、เกาะเกี่ยวหูแน่นไม่หลุด、ระบายอากาศดี、เสียงคมชัด
- ฟังก์ชันการใช้งาน:
- ระบบเสียงคุณภาพสำหรับออกกำลังกาย: ไดรเวอร์ออกแบบมาเพื่อมอบเสียงที่คมชัดและเบสที่ช่วยกระตุ้นให้มีแรงออกกำลังกายมากขึ้น ทำให้ทุกการเคลื่อนไหวเต็มไปด้วยพลังและความสนุกสนานตามจังหวะเพลงโปรดของคุณ
- การสวมใส่ที่ออกแบบมาเพื่อนักกีฬา: ตัวหูฟังมีดีไซน์แบบคล้องใบหูที่ช่วยเพิ่มความมั่นคง ไม่ต้องกังวลว่าหูฟังจะหลุดออกจากหูขณะวิ่ง กระโดด หรือทำกิจกรรมที่มีการเคลื่อนไหวหนักๆ ทำให้โฟกัสกับการออกกำลังกายได้อย่างเต็มที่
- กันน้ำและเหงื่อระดับมาตรฐาน: ด้วยมาตรฐานกันน้ำ IPX4 ทำให้หูฟังรุ่นนี้ทนทานต่อเหงื่อและละอองฝนได้เป็นอย่างดี เหมาะสำหรับการใช้งานทั้งในร่มและกลางแจ้ง ไม่ต้องกลัวว่าเหงื่อจะทำให้หูฟังเสียหาย
- แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนาน: สามารถใช้งานต่อเนื่องได้หลายชั่วโมงต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง เพียงพอสำหรับการออกกำลังกายหลายเซสชั่น หรือการวิ่งระยะไกล ทำให้เพลงไม่สะดุดระหว่างทาง
- กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: นักวิ่ง, นักปั่นจักรยาน, คนที่ชอบออกกำลังกายกลางแจ้ง, คนที่ใส่หูฟังนานๆ, คนที่เหงื่อเยอะ
ประเภทหูฟัง | การเชื่อมต่อ | ระดับการกันน้ำ/กันเหงื่อ | น้ำหนัก | อายุแบตเตอรี่ (หูฟัง) | ดีไซน์ | การตัดเสียงรบกวน (เฉพาะจากร่างกาย) |
---|
Open-Ear | ไร้สาย (Bluetooth) | IPX4 | 33 กรัม | ~10 ชั่วโมง | คล้องใบหู | มี |
2. Jabra Elite 4 Active
- ชื่อแบรนด์: Jabra
- ชื่อสินค้า: Elite 4 Active
- ราคาสินค้า: ประมาณ 3,490 - 4,990 บาท
- คำอธิบายสินค้า: Jabra Elite 4 Active คือ True Wireless ที่ออกแบบมาเพื่อสายแอคทีฟโดยเฉพาะ ด้วยดีไซน์ที่กระชับ ใส่แน่น ไม่ต้องกลัวหลุด มีเทคโนโลยี ShakeGrip™ ช่วยเพิ่มการยึดเกาะ มาพร้อมระบบตัดเสียงรบกวน Active Noise Cancellation (ANC) ช่วยให้โฟกัสกับการออกกำลังกายได้เต็มที่ และ HearThrough ที่ช่วยให้ได้ยินเสียงรอบข้างเพื่อความปลอดภัย ที่สำคัญคือมีมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP57 ลุยได้ทุกสภาพอากาศและเหงื่อ
- จุดเด่นสินค้า: ใส่กระชับแน่นหนาด้วย ShakeGrip™、กันน้ำกันฝุ่น IP57、มี ANC และ HearThrough、เสียงเบสแน่น ฟังสนุก、ดีไซน์ทนทาน
- ฟังก์ชันการใช้งาน:
- ระบบตัดเสียงรบกวน Active Noise Cancellation (ANC): ช่วยตัดเสียงรบกวนจากสภาพแวดล้อม เช่น เสียงคนคุยกันในยิม หรือเสียงรถยนต์ขณะวิ่งริมถนน ทำให้คุณจดจ่ออยู่กับเสียงเพลงหรือ Podcast เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการออกกำลังกาย
- เทคโนโลยี HearThrough: เปิดรับเสียงจากภายนอก ช่วยให้คุณได้ยินเสียงรอบข้าง เช่น เสียงรถยนต์ หรือเสียงสัญญาณต่างๆ เพื่อความปลอดภัย โดยเฉพาะเมื่อออกกำลังกายกลางแจ้ง ทำให้คุณรับรู้สถานการณ์รอบตัวได้ตลอดเวลา
- มาตรฐานกันน้ำและฝุ่น IP57: สามารถทนทานต่อเหงื่อ ฝน และฝุ่นได้อย่างยอดเยี่ยม ไม่ต้องกังวลว่าหูฟังจะเสียหายจากการใช้งานหนักหน่วง หรือในสภาพอากาศที่ไม่เป็นใจ แม้จะเปียกน้ำก็ยังใช้งานต่อได้
- คุณภาพเสียงที่ปรับแต่งได้: รองรับการปรับ Equalizer (EQ) ผ่านแอปพลิเคชัน Jabra Sound+ ช่วยให้คุณปรับแต่งเสียงเบส เสียงกลาง และเสียงแหลมได้ตามความชอบส่วนตัว สร้างบรรยากาศการฟังที่สมบูรณ์แบบสำหรับการออกกำลังกาย
- กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: นักวิ่ง, เข้ายิม, ปั่นจักรยาน, ออกกำลังกายกลางแจ้ง, คนที่ต้องการหูฟังที่ใส่แน่นและทนทานสูง
ประเภทหูฟัง | การเชื่อมต่อ | ระดับการกันน้ำ/กันฝุ่น | การตัดเสียงรบกวน | อายุแบตเตอรี่ (หูฟัง/รวมเคส) | การควบคุม | ไมโครโฟน |
---|
True Wireless | ไร้สาย (Bluetooth) | IP57 | ANC + HearThrough | ~7 ชม. / ~28 ชม. | ปุ่มกด/แอป | มี (4 ตัว) |
3. Bose Sport Earbuds
- ชื่อแบรนด์: Bose
- ชื่อสินค้า: Sport Earbuds
- ราคาสินค้า: ประมาณ 8,900 บาท
- คำอธิบายสินค้า: Bose Sport Earbuds มอบประสบการณ์เสียงที่ทรงพลังตามสไตล์ Bose ด้วยเทคโนโลยี Acoustic Port Design ที่ให้เสียงเบสแน่น คมชัด ตัวหูฟังมีดีไซน์ StayHear™ Max Tips ที่เป็นเอกลักษณ์ ทำจากซิลิโคนนุ่ม ใส่สบาย กระชับพอดี ไม่หลุดง่ายแม้เคลื่อนไหวหนักๆ กันเหงื่อกันละอองน้ำได้ตามมาตรฐาน IPX4 ควบคุมสะดวกด้วยระบบสัมผัส และใช้งานร่วมกับแอป Bose Music ได้อย่างราบรื่น
- จุดเด่นสินค้า: คุณภาพเสียง Bose ทรงพลัง、ใส่สบาย กระชับ ไม่เจ็บหู、ดีไซน์ StayHear™ Max Tips เฉพาะตัว、กันเหงื่อ IPX4、ควบคุมง่ายด้วยระบบสัมผัส
- ฟังก์ชันการใช้งาน:
- ระบบเสียง Acoustic Port Design: เทคโนโลยีเฉพาะของ Bose ที่ช่วยให้หูฟังขนาดเล็กนี้สามารถขับเสียงเบสที่ทรงพลังและเสียงโดยรวมที่คมชัดได้ในทุกระดับเสียง ทำให้คุณเข้าถึงอารมณ์เพลงได้อย่างเต็มที่ เพิ่มแรงจูงใจในการออกกำลังกาย
- จุกหูฟัง StayHear™ Max Tips: ออกแบบพิเศษด้วยวัสดุซิลิโคนนุ่มและมีรูปทรงที่เป็นเอกลักษณ์ ช่วยให้สวมใส่ได้พอดีกับช่องหูหลากหลายขนาด กระจายแรงกดได้อย่างสม่ำเสมอ ทำให้ใส่สบาย ไม่เจ็บหู และมั่นคงไม่หลุดง่ายขณะเคลื่อนไหว
- ทนทานต่อเหงื่อและสภาพอากาศ IPX4: สามารถป้องกันเหงื่อและละอองน้ำจากการออกกำลังกายหรือฝนตกปรอยๆ ได้อย่างดี ทำให้หูฟังยังคงทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้ในสภาพแวดล้อมที่เปียกชื้น
- การควบคุมแบบสัมผัสที่ใช้งานง่าย: สามารถควบคุมการเล่นเพลง รับสาย หรือเรียกใช้งาน Voice Assistant ได้ด้วยการแตะหรือปัดบนตัวหูฟัง ทำให้สะดวกสบาย ไม่ต้องหยุดออกกำลังกายเพื่อหยิบสมาร์ทโฟน
- กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: คนที่ชอบเสียงเบสหนักๆ, คนที่ต้องการความสบายในการใส่หูฟังเป็นพิเศษ, ออกกำลังกายทั่วไป, ใช้งานในชีวิตประจำวันร่วมด้วย
ประเภทหูฟัง | การเชื่อมต่อ | ระดับการกันน้ำ/กันเหงื่อ | การควบคุม | อายุแบตเตอรี่ (หูฟัง/รวมเคส) | เทคโนโลยีเสียง | ไมโครโฟน |
---|
True Wireless | ไร้สาย (Bluetooth 5.1) | IPX4 | ระบบสัมผัส | ~5 ชม. / ~15 ชม. | Acoustic Port Design, Active EQ | มี |
4. JBL Endurance Race
- ชื่อแบรนด์: JBL
- ชื่อสินค้า: Endurance Race
- ราคาสินค้า: ประมาณ 2,470 - 4,490 บาท
- คำอธิบายสินค้า: JBL Endurance Race เป็น True Wireless ที่เกิดมาเพื่อการออกกำลังกายอย่างแท้จริง ด้วยดีไซน์ Twistlock™ ที่เป็นเอกลักษณ์ ช่วยให้ใส่กระชับแน่น ไม่หลุดง่าย มาพร้อมจุกหูฟังและ Wing Enhancer ให้เลือกปรับเพื่อให้พอดีกับหู กันน้ำกันฝุ่นระดับ IP67 ลุยได้ทั้งเหงื่อ ฝน และฝุ่น คุณภาพเสียง JBL Pure Bass Sound ให้เสียงเบสที่หนักแน่น ฟังสนุก เหมาะกับเพลงที่ใช้เร่งจังหวะการออกกำลังกาย
- จุดเด่นสินค้า: ดีไซน์ Twistlock™ ใส่แน่นไม่หลุด、กันน้ำกันฝุ่น IP67 ทนทานสูง、เสียง JBL Pure Bass Sound เบสหนักสะใจ、มี Wing Enhancer ปรับความพอดี、ใช้งานง่าย
- ฟังก์ชันการใช้งาน:
- เทคโนโลยี Twistlock™ และ FlexSoft™: การออกแบบเฉพาะของ JBL ที่ทำให้ตัวหูฟังสามารถบิดล็อคเข้ากับใบหูได้อย่างกระชับและแน่นหนา ผสานกับวัสดุที่นุ่ม ทำให้ใส่สบาย ไม่เจ็บหู และมั่นใจได้ว่าหูฟังจะไม่หลุดระหว่างการเคลื่อนไหวอย่างรุนแรง
- มาตรฐานการป้องกันน้ำและฝุ่น IP67: สามารถทนทานต่อเหงื่อ ฝน และฝุ่นได้อย่างดีเยี่ยม สามารถแช่น้ำลึก 1 เมตรได้นาน 30 นาที เหมาะสำหรับผู้ที่ออกกำลังกายหนัก เหงื่อเยอะ หรือชอบลุยกิจกรรมกลางแจ้งทุกรูปแบบ
- เสียง JBL Pure Bass Sound: คุณภาพเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ของ JBL เน้นเสียงเบสที่หนักแน่นและทรงพลัง ช่วยเพิ่มอรรถรสในการฟังเพลงแนวสนุกๆ หรือเพลงที่มีจังหวะเร็วๆ ซึ่งมักใช้ในการกระตุ้นให้การออกกำลังกายมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
- ควบคุมการใช้งานง่ายดาย: มีปุ่มควบคุมเพลง รับสาย หรือเรียกใช้งาน Voice Assistant บนตัวหูฟัง ทำให้สะดวกในการปรับตั้งค่าต่างๆ โดยไม่ต้องหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาระหว่างออกกำลังกาย
- กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: นักกีฬา, คนที่ออกกำลังกายหนักมาก, ชอบกิจกรรมกลางแจ้ง, ชอบเสียงเบสหนักๆ, ต้องการหูฟังที่ทนทานสูงสุด
ประเภทหูฟัง | การเชื่อมต่อ | ระดับการกันน้ำ/กันฝุ่น | เทคโนโลยีสวมใส่ | อายุแบตเตอรี่ (หูฟัง/รวมเคส) | เทคโนโลยีเสียง | การควบคุม |
---|
True Wireless | ไร้สาย (Bluetooth) | IP67 | Twistlock™, FlexSoft™ | ~10 ชม. / ~30 ชม. | JBL Pure Bass Sound | ปุ่มกด |
5. Anker Soundcore Sport X20
- ชื่อแบรนด์: Anker Soundcore
- ชื่อสินค้า: Sport X20
- ราคาสินค้า: ประมาณ 2,840 - 8,990 บาท
- คำอธิบายสินค้า: Anker Soundcore Sport X20 เป็นหูฟัง True Wireless ที่มาพร้อมดีไซน์แบบคล้องหู (Ear Hook) ที่ปรับงอได้ ช่วยให้สวมใส่ได้กระชับและมั่นคง ไม่หลุดง่าย เหมาะกับการออกกำลังกายทุกรูปแบบ กันน้ำกันฝุ่นระดับ IP68 ลุยน้ำลึกได้สบายๆ (แต่ไม่เหมาะกับการว่ายน้ำต่อเนื่อง) คุณภาพเสียงคมชัด เบสกำลังดี และใช้งานร่วมกับแอป Soundcore เพื่อปรับ EQ และฟังก์ชันต่างๆ ได้อย่างละเอียด
- จุดเด่นสินค้า: ดีไซน์คล้องหูปรับงอได้ ใส่กระชับมั่นคง、กันน้ำกันฝุ่น IP68 ทนทานสุดๆ、ปรับ EQ ได้ละเอียดผ่านแอป、เสียงคมชัด、แบตเตอรี่ใช้งานได้นาน
- ฟังก์ชันการใช้งาน:
- ดีไซน์ Ear Hook ปรับงอได้: สามารถปรับรูปทรงของที่คล้องหูให้เข้ากับสรีระของแต่ละคนได้ ทำให้หูฟังเกาะเกี่ยวใบหูได้อย่างมั่นคงสูงสุด ไม่ต้องกังวลว่าหูฟังจะหลุดระหว่างการเคลื่อนไหวที่รุนแรงหรือรวดเร็ว
- มาตรฐานการป้องกันน้ำและฝุ่น IP68: เป็นหนึ่งในหูฟังที่มีมาตรฐานการกันน้ำสูงที่สุด สามารถทนทานต่อเหงื่อ ฝน และฝุ่นได้ดีเยี่ยม และสามารถจมน้ำได้ในความลึกและระยะเวลาที่กำหนด เหมาะสำหรับกิจกรรมกลางแจ้ง หรือผู้ที่เหงื่อออกเยอะมากๆ
- ปรับแต่งเสียงได้ตามใจผ่านแอป Soundcore: แอปพลิเคชัน Soundcore มีฟังก์ชันการปรับแต่งเสียง Equalizer (EQ) ให้เลือกหลากหลายรูปแบบ หรือจะสร้างโปรไฟล์เสียงของตัวเองก็ได้ ทำให้คุณสามารถปรับเสียงให้เข้ากับแนวเพลง หรือความชอบส่วนตัวได้อย่างละเอียด
- แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนาน: ให้เวลาในการใช้งานต่อเนื่องต่อการชาร์จหนึ่งครั้งที่น่าประทับใจ พร้อมเคสชาร์จที่ช่วยยืดอายุการใช้งานให้ยาวนานขึ้น เพียงพอสำหรับการออกกำลังกายหลายครั้งโดยไม่ต้องชาร์จบ่อยๆ
- กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: นักกีฬา, นักปีนเขา, คนที่เหงื่อออกเยอะมาก, ชอบกิจกรรมทางน้ำ (ที่ไม่ใช่ว่ายน้ำต่อเนื่อง), ต้องการหูฟังที่ปรับความพอดีได้สูง
ประเภทหูฟัง | การเชื่อมต่อ | ระดับการกันน้ำ/กันฝุ่น | ดีไซน์สวมใส่ | อายุแบตเตอรี่ (หูฟัง) | การปรับแต่ง | ไมโครโฟน |
---|
True Wireless | ไร้สาย (Bluetooth) | IP68 | คล้องหูปรับงอได้ | ~12 ชั่วโมง | ปรับ EQ ผ่านแอป | มี |
6. Skullcandy Push Active
- ชื่อแบรนด์: Skullcandy
- ชื่อสินค้า: Push Active
- ราคาสินค้า: ประมาณ 2,790 - 3,xxx บาท
- คำอธิบายสินค้า: Skullcandy Push Active มาพร้อมดีไซน์แบบ Sport Earhook ที่ช่วยให้หูฟังเกาะเกี่ยวใบหูได้อย่างมั่นคง ไม่หลุดง่ายขณะออกกำลังกายหนักๆ คุณภาพเสียงเป็นเอกลักษณ์ของ Skullcandy ที่เน้นเบสแน่น ฟังสนุก มีฟังก์ชัน Skull-iQ Smart Feature Technology รองรับการสั่งงานด้วยเสียง "Hey Skullcandy" ควบคุมง่ายโดยไม่ต้องแตะหูฟัง กันเหงื่อและละอองน้ำ IP55 เหมาะกับสายลุย
- จุดเด่นสินค้า: ดีไซน์ Sport Earhook เกาะหูแน่น、เสียงเบสหนัก ฟังสนุก、สั่งงานด้วยเสียงได้、กันเหงื่อ IP55、ราคาเข้าถึงง่าย
- ฟังก์ชันการใช้งาน:
- Sport Earhook Design: ที่คล้องหูแบบพิเศษที่ออกแบบมาเพื่อการออกกำลังกายโดยเฉพาะ ช่วยให้หูฟังยึดเกาะกับใบหูได้อย่างมั่นคง ไม่ว่าคุณจะวิ่ง กระโดด หรือเคลื่อนไหวเร็วแค่ไหนก็ไม่หลุด ทำให้คุณมั่นใจในการออกกำลังกายได้เต็มที่
- เทคโนโลยี Skull-iQ Smart Feature Technology: รองรับการสั่งงานด้วยเสียง "Hey Skullcandy" ให้คุณควบคุมการเล่นเพลง รับสาย วางสาย เปิดใช้งาน Voice Assistant หรือแม้แต่ถ่ายภาพได้ด้วยเสียง โดยไม่ต้องแตะหูฟัง สะดวกสุดๆ ขณะมือไม่ว่าง
- ทนทานต่อเหงื่อและละอองน้ำ IP55: ป้องกันเหงื่อและละอองน้ำจากการออกกำลังกายได้อย่างดี สามารถใช้งานในสภาพอากาศที่มีฝนตกปรอยๆ ได้ ทำให้หูฟังมีความทนทานสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันและกิจกรรมกีฬาต่างๆ
- เสียงเบสหนักสไตล์ Skullcandy: คุณภาพเสียงที่เป็นที่รู้จักของแบรนด์ Skullcandy มอบเสียงเบสที่ทรงพลัง ช่วยเพิ่มความกระฉับกระเฉงและสร้างแรงจูงใจในการออกกำลังกายด้วยเพลงที่มีจังหวะมันส์ๆ
- กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: วิ่ง, เข้ายิม, เล่นกีฬา, คนที่ชอบเสียงเบสหนักๆ, ต้องการหูฟังที่มีฟังก์ชันสั่งงานด้วยเสียง, คนที่มองหาหูฟังออกกำลังกายในราคาที่จับต้องได้
ประเภทหูฟัง | การเชื่อมต่อ | ระดับการกันน้ำ/กันฝุ่น | ดีไซน์สวมใส่ | อายุแบตเตอรี่ (หูฟัง/รวมเคส) | ฟังก์ชันพิเศษ | การควบคุม |
---|
True Wireless | ไร้สาย (Bluetooth 5.2) | IP55 | Sport Earhook | ~10 ชม. / ~44 ชม. | Skull-iQ, สั่งงานด้วยเสียง | สัมผัส/เสียง |
7. Sony WI-C100
- ชื่อแบรนด์: Sony
- ชื่อสินค้า: WI-C100
- ราคาสินค้า: ประมาณ 890 - 1,290 บาท
- คำอธิบายสินค้า: Sony WI-C100 เป็นหูฟังไร้สายแบบคล้องคอ (Neckband) ที่เน้นความคุ้มค่าและใช้งานง่าย เหมาะกับการออกกำลังกายเบาๆ หรือใช้งานในชีวิตประจำวัน ตัวหูฟังมีน้ำหนักเบา ใส่สบาย กันเหงื่อและละอองน้ำ IPX4 แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานถึง 25 ชั่วโมง มีเทคโนโลยี DSEE™ ช่วยยกระดับคุณภาพเสียงให้ดีขึ้น และปรับแต่งเสียงผ่านแอป Sony Headphones Connect ได้
- จุดเด่นสินค้า: ราคาประหยัด คุ้มค่า、แบตเตอรี่อึดมาก (25 ชม.)、มี DSEE™ ยกระดับเสียง、กันเหงื่อ IPX4、ใส่สบายแบบคล้องคอ
- ฟังก์ชันการใช้งาน:
- เทคโนโลยี Digital Sound Enhancement Engine (DSEE™): ช่วยชดเชยรายละเอียดเสียงที่อาจสูญเสียไปจากการบีบอัดไฟล์เพลงดิจิทัล ทำให้ได้คุณภาพเสียงที่ใกล้เคียงกับต้นฉบับมากขึ้น มอบประสบการณ์การฟังที่ดีขึ้น
- แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานสูงสุด 25 ชั่วโมง: ให้คุณเพลิดเพลินกับเสียงเพลงหรือ Podcast ได้ตลอดทั้งวันโดยไม่ต้องกังวลเรื่องแบตเตอรี่หมด เหมาะสำหรับการเดินทาง หรือการใช้งานต่อเนื่องหลายวัน
- มาตรฐานกันน้ำและเหงื่อ IPX4: สามารถป้องกันเหงื่อและละอองฝนได้ ทำให้คุณใช้งานหูฟังนี้สำหรับการออกกำลังกายเบาๆ หรือใช้งานในสภาพอากาศที่มีฝนตกปรอยๆ ได้โดยไม่ต้องกลัวเสียหาย
- รองรับการปรับแต่งเสียงผ่านแอป: สามารถเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชัน Sony Headphones Connect เพื่อปรับ Equalizer (EQ) หรือตั้งค่าอื่นๆ ได้ตามต้องการ ทำให้ได้เสียงที่ตรงกับความชอบส่วนตัว
- กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: ออกกำลังกายเบาๆ (เดิน, วิ่งจ็อกกิ้ง), ใช้งานในชีวิตประจำวัน, เดินทาง, คนที่ต้องการหูฟังแบตอึดๆ, คนที่มองหาหูฟังราคาประหยัด
ประเภทหูฟัง | การเชื่อมต่อ | ระดับการกันน้ำ/กันเหงื่อ | อายุแบตเตอรี่ | เทคโนโลยีเสียง | ดีไซน์ | การควบคุม |
---|
คล้องคอ (Neckband) | ไร้สาย (Bluetooth 5.0) | IPX4 | ~25 ชั่วโมง | DSEE™ | In-Ear พร้อมสายคล้องคอ | ปุ่มกด |
8. Soundpeats RunFree Lite2
- ชื่อแบรนด์: Soundpeats
- ชื่อสินค้า: RunFree Lite2
- ราคาสินค้า: ประมาณ 1,xxx - 2,xxx บาท
- คำอธิบายสินค้า: Soundpeats RunFree Lite2 เป็นหูฟังแบบ Open-Ear หรือ Earbuds ที่เน้นความสบายในการใส่ ไม่ต้องยัดเข้ารูหู ทำให้ได้ยินเสียงรอบข้างเพื่อความปลอดภัย เหมาะกับการวิ่งหรือปั่นจักรยานบนถนน มาพร้อมดีไซน์แบบคล้องหัวที่น้ำหนักเบา ใส่สบาย ไม่เจ็บหู กันเหงื่อ IPX4 แบตเตอรี่ใช้งานได้นาน และมีโหมดความหน่วงต่ำสำหรับการดูวิดีโอ
- จุดเด่นสินค้า: ดีไซน์ Open-Ear ได้ยินเสียงรอบข้าง、ใส่สบาย ไม่เจ็บหู、น้ำหนักเบา、กันเหงื่อ IPX4、แบตเตอรี่ใช้งานได้นาน
- ฟังก์ชันการใช้งาน:
- ดีไซน์ Open-Ear เพื่อความปลอดภัย: ตัวหูฟังไม่ได้สอดเข้าไปในช่องหูโดยตรง ทำให้คุณยังคงได้ยินเสียงจากสภาพแวดล้อมรอบข้าง เช่น เสียงรถยนต์ เสียงเตือน หรือเสียงผู้คน เพื่อความปลอดภัยสูงสุด โดยเฉพาะเมื่อทำกิจกรรมกลางแจ้ง เช่น วิ่งริมถนน หรือปั่นจักรยาน
- การสวมใส่ที่สบายและน้ำหนักเบา: ด้วยการออกแบบแบบคล้องหัวและวัสดุที่มีน้ำหนักเบา ทำให้สามารถสวมใส่หูฟังนี้ได้เป็นเวลานานโดยไม่รู้สึกอึดอัด หรือเจ็บที่ใบหู เหมาะสำหรับนักวิ่งที่ต้องออกกำลังกายเป็นระยะเวลานาน
- มาตรฐานการป้องกันเหงื่อ IPX4: สามารถทนทานต่อเหงื่อและละอองฝนได้เป็นอย่างดี ทำให้หูฟังเหมาะสำหรับการใช้งานในระหว่างการออกกำลังกายที่มีเหงื่อออก หรือในสภาพอากาศที่มีฝนตกปรอยๆ
- โหมดความหน่วงต่ำสำหรับการดูวิดีโอ: มีโหมดพิเศษที่ช่วยลดความหน่วงของเสียง ทำให้เสียงภาพยนตร์หรือวิดีโอตรงกับภาพ เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบดูคอนเทนต์ต่างๆ ขณะออกกำลังกายเบาๆ
- กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: นักวิ่ง/นักปั่นบนถนน, คนที่ต้องการได้ยินเสียงรอบข้างเพื่อความปลอดภัย, ออกกำลังกายเบาๆ, คนที่ใส่หูฟังนานๆ
ประเภทหูฟัง | การเชื่อมต่อ | ระดับการกันน้ำ/กันเหงื่อ | ดีไซน์สวมใส่ | อายุแบตเตอรี่ | ฟังก์ชันพิเศษ | น้ำหนัก |
---|
Open-Ear (Earbuds) | ไร้สาย (Bluetooth 5.3) | IPX4 | คล้องหัว | ~15 ชั่วโมง | โหมดความหน่วงต่ำ | เบา |
9. Creative Outlier Free Pro
- ชื่อแบรนด์: Creative
- ชื่อสินค้า: Outlier Free Pro
- ราคาสินค้า: ประมาณ 4,990 บาท
- คำอธิบายสินค้า: Creative Outlier Free Pro เป็นหูฟัง Bone Conduction แบบ Open-Ear ที่ส่งเสียงผ่านกระดูก ไม่ต้องผ่านรูหู ทำให้ได้ยินเสียงรอบข้าง เหมาะกับคนที่ไม่ชอบอะไรอุดหู หรือใช้ว่ายน้ำได้! ด้วยมาตรฐานกันน้ำ IPX8 สามารถจมน้ำลึกได้ มาพร้อมหน่วยความจำภายใน 8GB สำหรับเล่นเพลงโดยไม่ต้องพกสมาร์ทโฟน ดีไซน์คล้องหัว เบา ใส่สบาย
- จุดเด่นสินค้า: เทคโนโลยี Bone Conduction、กันน้ำ IPX8 ใส่ว่ายน้ำได้、มีหน่วยความจำภายใน (8GB)、ดีไซน์ Open-Ear ได้ยินเสียงรอบข้าง、น้ำหนักเบา ใส่สบาย
- ฟังก์ชันการใช้งาน:
- เทคโนโลยี Bone Conduction: ส่งเสียงผ่านกระดูกแก้มโดยตรง ไม่ต้องผ่านแก้วหู ทำให้สามารถฟังเพลงได้โดยที่ช่องหูยังเปิดอยู่ รับรู้เสียงจากสภาพแวดล้อมภายนอกได้ เพื่อความปลอดภัย
- มาตรฐานการกันน้ำ IPX8: เป็นหูฟังไม่กี่รุ่นที่สามารถกันน้ำได้ในระดับสูงถึง IPX8 ทำให้สามารถใส่ว่ายน้ำในสระ หรือใช้งานในกิจกรรมทางน้ำอื่นๆ ได้อย่างมั่นใจ (แนะนำให้ใช้ร่วมกับจุกอุดหูสำหรับว่ายน้ำ)
- หน่วยความจำภายใน 8GB: สามารถเก็บไฟล์เพลง MP3 ได้ประมาณ 6,400 เพลง ทำให้สามารถฟังเพลงได้โดยไม่ต้องเชื่อมต่อบลูทูธกับสมาร์ทโฟน เหมาะสำหรับนักว่ายน้ำ หรือผู้ที่ไม่ต้องการพกพาอุปกรณ์อื่นขณะออกกำลังกาย
- ดีไซน์ Open-Ear และน้ำหนักเบา: ด้วยรูปทรงแบบคล้องหัวและน้ำหนักที่เบา ทำให้ใส่สบาย ไม่รู้สึกอึดอัด สามารถออกกำลังกายได้เป็นเวลานานโดยไม่เมื่อยล้าที่ใบหู
- กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: นักว่ายน้ำ, คนที่ไม่ชอบหูฟังแบบสอดหู, คนที่ต้องการได้ยินเสียงรอบข้าง, ออกกำลังกายกลางแจ้ง, คนที่ต้องการฟังเพลงโดยไม่พกสมาร์ทโฟน
ประเภทหูฟัง | เทคโนโลยีเสียง | ระดับการกันน้ำ | หน่วยความจำภายใน | การเชื่อมต่อ | ดีไซน์สวมใส่ | น้ำหนัก |
---|
Bone Conduction Open-Ear | Bone Conduction | IPX8 (ว่ายน้ำได้) | 8GB | ไร้สาย (Bluetooth) + MP3 | คล้องหัว | เบา |
10. JVC HA-AE5T
- ชื่อแบรนด์: JVC
- ชื่อสินค้า: HA-AE5T
- ราคาสินค้า: ประมาณ 3,411 - 6,350 บาท
- คำอธิบายสินค้า: JVC HA-AE5T เป็นหูฟัง True Wireless ที่ออกแบบมาเพื่อนักวิ่งโดยเฉพาะ ด้วยดีไซน์ Pivot Motion Fit ที่ช่วยให้หูฟังปรับองศาให้เข้ากับหูได้พอดี ใส่แน่น ไม่หลุดง่ายแม้มีการเคลื่อนไหวแบบกะทันหัน กันเหงื่อ IPX5 ให้เสียงเบสแน่น ฟังสนุก เหมาะกับเพลงที่ใช้เพิ่มจังหวะการวิ่ง และมีฟังก์ชัน Ambient Sound Mode ช่วยให้ได้ยินเสียงรอบข้างเพื่อความปลอดภัย
- จุดเด่นสินค้า: ดีไซน์ Pivot Motion Fit ปรับความพอดีได้、ใส่แน่น ไม่หลุดง่าย、กันเหงื่อ IPX5、เสียงเบสแน่น、มี Ambient Sound Mode
- ฟังก์ชันการใช้งาน:
- ดีไซน์ Pivot Motion Fit: สามารถปรับมุมของตัวหูฟังให้เข้ากับรูปทรงของช่องหูแต่ละคนได้อย่างยืดหยุ่น ทำให้สวมใส่ได้กระชับและมั่นคงสูงสุด ลดโอกาสการหลุดของหูฟังขณะวิ่ง หรือทำกิจกรรมที่มีการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว
- มาตรฐานการป้องกันเหงื่อ IPX5: สามารถทนทานต่อเหงื่อและละอองน้ำแรงดันต่ำได้ ทำให้หูฟังเหมาะสำหรับการใช้งานในระหว่างการออกกำลังกายที่มีเหงื่อออกมาก หรือใช้งานกลางแจ้งในสภาพอากาศที่มีฝนตกปานกลาง
- Ambient Sound Mode: ช่วยให้สามารถได้ยินเสียงจากสภาพแวดล้อมภายนอกได้ โดยไม่ต้องถอดหูฟัง ทำให้คุณรับรู้สถานการณ์รอบตัวเพื่อความปลอดภัย โดยเฉพาะเมื่อวิ่งบนถนน หรือในพื้นที่ที่มีการจราจร
- คุณภาพเสียงเน้นเบส: ปรับจูนเสียงมาให้เน้นเสียงเบสที่หนักแน่น ช่วยเพิ่มความสนุกสนานและกระตุ้นให้การออกกำลังกายมีประสิทธิภาพมากขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบฟังเพลงแนว Pop, Rock, หรือ Electronic ที่มีจังหวะหนักๆ
- กลุ่มผู้ใช้งาน/สถานการณ์: นักวิ่ง, ออกกำลังกายทั่วไป, คนที่ต้องการหูฟังที่ปรับความพอดีได้สูง, ชอบเสียงเบสแน่นๆ, ต้องการได้ยินเสียงรอบข้างเพื่อความปลอดภัย
ประเภทหูฟัง | การเชื่อมต่อ | ระดับการกันน้ำ/กันเหงื่อ | ดีไซน์สวมใส่ | เทคโนโลยีเสียง | ฟังก์ชันพิเศษ | อายุแบตเตอรี่ (หูฟัง/รวมเคส) |
---|
True Wireless | ไร้สาย (Bluetooth) | IPX5 | Pivot Motion Fit | เบสแน่น | Ambient Sound Mode | ~6 ชม. / ~27 ชม. |
คำแนะนำการเลือกซื้อหูฟังออกกำลังกายคู่ใจ ปี 2025
- 1. ความกระชับ ไม่หลุดง่าย คือหัวใจสำคัญ
จะออกกำลังกายให้สนุก เครื่องต้องไม่สะดุด! และอุปสรรคอันดับต้นๆ ของการใช้หูฟังตอนออกกำลังกายก็คือ "หูฟังหลุด" นี่แหละค่ะ ยิ่งเวลาเราวิ่งเร็วๆ กระโดดโลดเต้น หรือทำท่าบริหารที่ต้องมีการเคลื่อนไหวเยอะๆ แล้วหูฟังเกิดหลุดขึ้นมาเนี่ย นอกจากจะเสียจังหวะแล้ว บางทีหูฟังอาจจะหล่นไปกระแทกพื้นจนเสียหายได้อีกด้วย ดังนั้น ปัจจัยแรกที่เราต้องพิจารณาเลยคือเรื่องของ "ความกระชับ" และ "ความมั่นคง" ในการสวมใส่ค่ะ หูฟังออกกำลังกายส่วนใหญ่มักจะออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อแก้ปัญหานี้ โดยจะมีดีไซน์หลากหลายแบบให้เลือก เช่น แบบ In-Ear ที่มีจุกซิลิโคนหลายขนาดให้เลือก เพื่อให้พอดีกับขนาดช่องหูของเรามากที่สุด บางรุ่นอาจมี Wingtips หรือ Ear Fins ซึ่งเป็นเหมือนปีกเล็กๆ ยื่นออกมาเพื่อไปยันกับส่วนเว้าโค้งของใบหู ช่วยเพิ่มความแน่นหนาในการสวมใส่ หรือบางรุ่นก็มาพร้อมดีไซน์แบบคล้องหู (Ear Hook) ที่จะเกี่ยวรอบใบหูของเราไว้เลย แบบนี้จะมั่นคงเป็นพิเศษ เหมาะกับกิจกรรมที่มีการเคลื่อนไหวหนักๆ เช่น การวิ่งเทรล การปีนเขา หรือกีฬาที่ต้องมีการปะทะ แต่ก็ต้องลองดูก่อนนะคะว่าใส่แล้วสบายหู ไม่รู้สึกกดทับจนเกินไป เพราะถ้าใส่แล้วเจ็บหรือรำคาญ สุดท้ายก็ไม่อยากใส่ค่ะ ลองขยับ ลองสะบัดหัวเบาๆ ตอนลองใส่ เพื่อดูว่าหูฟังยังคงอยู่ในตำแหน่งเดิมไม่ขยับหรือไม่ค่ะ การเลือกขนาดจุกหูฟังที่พอดีกับรูหูก็สำคัญมากๆ เช่นกัน เพราะถ้าจุกเล็กไปก็หลวม หลุดง่าย ถ้าจุกใหญ่ไปก็อึดอัดและเจ็บหูได้ค่ะ บางแบรนด์มีจุกหูฟังหลายขนาดให้เลือกในกล่อง ควรลองทุกขนาดจนกว่าจะเจอขนาดที่รู้สึกว่าใส่สบายและกระชับที่สุดค่ะ
- 2. มาตรฐานกันน้ำกันเหงื่อ (IP Rating) สำคัญไม่แพ้กัน
เมืองไทยอากาศร้อนอบอ้าว ออกกำลังกายนิดหน่อยเหงื่อก็ท่วมแล้วใช่ไหมคะ? เจ้าเหงื่อเค็มๆ นี่แหละคือตัวการสำคัญที่ทำร้ายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของเราเลยค่ะ ถ้าหูฟังไม่สามารถป้องกันความชื้นได้ดีพอ เหงื่ออาจจะซึมเข้าไปข้างในทำให้วงจรเสียหายได้ ดังนั้น การเลือกหูฟังที่มีมาตรฐานการกันน้ำกันเหงื่อที่เหมาะสมกับประเภทการออกกำลังกายของเราจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นมากๆ ค่ะ มาตรฐานการป้องกันที่เราควรมองหาคือ IP Rating หรือ Ingress Protection Rating ซึ่งจะบอกระดับการป้องกันฝุ่นและน้ำ โดยมักจะแสดงเป็นรหัส IP ตามด้วยตัวเลขสองหลัก หรือ IPX ตามด้วยตัวเลขหนึ่งหลักหากไม่ได้ทดสอบการป้องกันฝุ่น ตัวเลขตัวที่สอง (หรือตัวที่ตามหลัง X) คือระดับการป้องกันน้ำค่ะ สำหรับหูฟังออกกำลังกาย ระดับที่เหมาะสมขั้นต่ำคือ IPX4 ซึ่งหมายความว่าหูฟังสามารถป้องกันละอองน้ำที่กระเด็นมาโดนได้จากทุกทิศทาง กันเหงื่อได้สบายๆ ค่ะ ถ้าออกกำลังกายหนัก เหงื่อเยอะ หรือมีโอกาสโดนฝน ควรขยับไปดูรุ่นที่มีมาตรฐานสูงขึ้น เช่น IPX5 (ป้องกันน้ำแรงดันต่ำที่ฉีดจากทุกทิศทาง) IPX7 (จมน้ำได้ลึก 1 เมตร 30 นาที) หรือ IPX8 (จมน้ำได้ลึกมากกว่า 1 เมตร ตามที่ผู้ผลิตกำหนด) สำหรับคนที่ชอบว่ายน้ำ ต้องเลือกหูฟังที่มีมาตรฐาน IPX8 และต้องเป็นรุ่นที่ออกแบบมาเพื่อการว่ายน้ำโดยเฉพาะ ซึ่งมักจะมีหน่วยความจำในตัวด้วย เพราะสัญญาณบลูทูธไม่สามารถเดินทางในน้ำได้ดีค่ะ อย่าลืมว่า IP Rating เป็นแค่การป้องกัน ไม่ได้หมายความว่าหูฟังของคุณจะไม่มีวันพังถ้าน้ำเข้า การดูแลรักษาหลังการใช้งานก็สำคัญมาก เช่น การเช็ดทำความสะอาดหูฟังให้แห้งทุกครั้งหลังออกกำลังกายเพื่อกำจัดคราบเหงื่อและสิ่งสกปรกที่อาจตกค้าง
- 3. คุณภาพเสียงและฟีเจอร์เสริมที่ตอบโจทย์
แม้ว่าเป้าหมายหลักของหูฟังออกกำลังกายคือความทนทานและความกระชับ แต่คุณภาพเสียงก็เป็นปัจจัยที่ช่วยให้การออกกำลังกายของเราสนุกและมีประสิทธิภาพมากขึ้นได้นะคะ เสียงเพลงที่มีจังหวะดีๆ เบสแน่นๆ สามารถช่วยกระตุ้นให้เรามีแรงฮึดสู้ได้มากขึ้นค่ะ ลองเลือกรุ่นที่มีคุณภาพเสียงที่เราชอบ บางรุ่นอาจมีฟีเจอร์ปรับ EQ ได้ผ่านแอปพลิเคชัน ทำให้เราปรับเสียงให้เข้ากับแนวเพลงที่เราฟังตอนออกกำลังกายได้ค่ะ นอกจากคุณภาพเสียงแล้ว ฟีเจอร์เสริมอื่นๆ ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน เช่น ระบบตัดเสียงรบกวน Active Noise Cancellation (ANC) ที่ช่วยตัดเสียงรบกวนจากสภาพแวดล้อมภายนอก เหมาะสำหรับคนที่ออกกำลังกายในยิมที่มีเสียงดัง หรือต้องการโฟกัสกับการออกกำลังกายอย่างเต็มที่ แต่สำหรับคนที่วิ่งหรือปั่นจักรยานกลางแจ้ง การได้ยินเสียงรอบข้างก็สำคัญเพื่อความปลอดภัย ในกรณีนี้ หูฟังที่มีโหมด Ambient Sound หรือ HearThrough ที่ช่วยให้ได้ยินเสียงจากภายนอกได้โดยไม่ต้องถอดหูฟัง จะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าค่ะ แบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ยาวนานก็สำคัญมากๆ ค่ะ ลองดูว่าหูฟังสามารถใช้งานต่อเนื่องได้นานแค่ไหนต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง และเคสชาร์จสามารถชาร์จหูฟังได้อีกกี่ครั้ง เพื่อให้มั่นใจว่าหูฟังจะไม่หมดพลังระหว่างการออกกำลังกาย โดยทั่วไปแล้ว ควรเลือกรุ่นที่ใช้งานต่อเนื่องได้ตั้งแต่ 5-8 ชั่วโมงขึ้นไป ก็เพียงพอสำหรับการออกกำลังกายส่วนใหญ่แล้วค่ะ การควบคุมเพลงและรับสายก็ควรจะทำได้ง่ายและสะดวกขณะเคลื่อนไหว บางรุ่นใช้ปุ่มกด บางรุ่นใช้ระบบสัมผัส ลองดูว่าแบบไหนที่เราถนัดและใช้งานได้ง่ายที่สุดค่ะ
คำถามพบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับหูฟังออกกำลังกาย
- Q: ควรเลือกหูฟังออกกำลังกายแบบมีสายหรือไร้สายดีกว่ากันคะ?
A: สำหรับการออกกำลังกาย ส่วนใหญ่แนะนำให้เลือกหูฟังแบบไร้สาย (True Wireless หรือแบบคล้องคอไร้สาย) มากกว่าแบบมีสายค่ะ เพราะสายหูฟังอาจจะเกะกะ พันกัน หรือไปเกี่ยวโดนระหว่างเคลื่อนไหว ทำให้ไม่สะดวกและอาจเกิดอุบัติเหตุได้ หูฟังไร้สายให้ความคล่องตัวสูงสุดในการออกกำลังกายค่ะ
- Q: IP Rating สำคัญแค่ไหนกับการเลือกหูฟังออกกำลังกาย?
A: สำคัญมากค่ะ! IP Rating บอกระดับการป้องกันน้ำและฝุ่น ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้หูฟังออกกำลังกายทนทานต่อเหงื่อและสภาพแวดล้อมต่างๆ อย่างน้อยควรมีมาตรฐาน IPX4 เพื่อกันเหงื่อและละอองฝนได้ ถ้าออกกำลังกายหนักหรือมีกิจกรรมทางน้ำ ควรเลือกระดับที่สูงขึ้น เช่น IPX5, IPX7, หรือ IPX8 ค่ะ
- Q: หูฟังออกกำลังกายที่กันน้ำ สามารถใส่ว่ายน้ำได้เลยไหม?
A: ไม่ใช่หูฟังที่กันน้ำทุกรุ่นจะใส่ว่ายน้ำได้นะคะ! ต้องดูที่มาตรฐาน IP Rating โดยเฉพาะ ถ้าจะใส่ว่ายน้ำ ควรเลือกรุ่นที่มีมาตรฐาน IPX8 ซึ่งออกแบบมาเพื่อการจมน้ำโดยเฉพาะ และมักจะมีหน่วยความจำภายในสำหรับเล่นเพลง MP3 ได้ด้วย เพราะบลูทูธใช้งานในน้ำได้ไม่ดีค่ะ
- Q: ใส่หูฟังออกกำลังกายแล้วเจ็บหู ทำยังไงดี?
A: อาการเจ็บหูอาจเกิดจากหลายสาเหตุค่ะ อันดับแรก ลองเปลี่ยนขนาดจุกหูฟังที่ให้มาในกล่องให้เป็นขนาดที่พอดีกับรูหูที่สุด บางทีจุกที่ใหญ่หรือเล็กเกินไปอาจทำให้รู้สึกไม่สบายได้ หากเป็นหูฟังแบบ In-Ear บางรุ่นอาจมี Wingtips หรือ Ear Fins ลองปรับตำแหน่งให้เข้าที่ บางทีอาจช่วยลดแรงกดที่ช่องหูได้ค่ะ หรือถ้ายังเจ็บอยู่ อาจจะต้องลองเปลี่ยนไปใช้หูฟังดีไซน์แบบอื่น เช่น Open-Ear หรือ Bone Conduction ที่ไม่ต้องสอดเข้าไปในรูหูค่ะ
- Q: หลังออกกำลังกาย ควรดูแลรักษาหูฟังยังไงคะ?
A: หลังออกกำลังกายทุกครั้ง ควรใช้ผ้านุ่มๆ ชุบน้ำหมาดๆ เช็ดทำความสะอาดคราบเหงื่อและสิ่งสกปรกที่ติดอยู่บนหูฟัง จากนั้นใช้ผ้าแห้งเช็ดตามให้แห้งสนิทก่อนเก็บเข้ากล่องชาร์จหรือซองเก็บค่ะ การปล่อยให้หูฟังเปียกเหงื่อไว้นานๆ อาจทำให้เกิดความเสียหายได้ค่ะ สำหรับหูฟังแบบ In-Ear ควรหมั่นทำความสะอาดจุกหูฟังด้วยนะคะ